Backpack วังเวียง ด้วยเงิน 2,500 บาท

▲ วังเวียง แม่ม คือเมืองในฝันอีกเมืองหนึ่งของ Backpacker ครับ ค่าใช้จ่ายที่นั้นถูกมาก
ยกเว้นการโดยสาร และรถประจำทาง จะแพงกว่าราคาบ้านเราประมาณเกือบเท่าตัว
รีวิวตัวนี้ ไมก็เลยเน้นเพียงแค่ “วังเวียง” เท่านั้น จะไม่ไป “เวียงจันทร์” ก่อน เหมือนที่ใครหลายๆ คนทำกัน
แต่จะข้ามไป “วังเวียง” เลย เอาหล่ะ… เบิกตังค์มา 2,500 บาท และเก็บเป้เบาๆ มาซักหนึ่งใบ แล้วไปกันเลย!!!

Reviewed by : https://www.facebook.com/PalapiliiThailand

สีเหลือง : การเดินทาง
สีเขียว : ถึงสถานที่นั้น/มีกิจกรรม
สีฟ้า : นอนพักผ่อน
▲ มาดูแผนที่วางไว้คร่าวๆ ก่อนเดินทางนะครับ
Day 1 : เราจะเดินทางโดยใช้ บขส. จาก กทม. มายังอุดรธานี จะไปถึงหนองคายในวันรุ่งขึ้นพอดี
Day 2 : เราจะเดินทางออกจากอุดรธานีไปยังวังเวียง จะถึงประมาณเย็นๆ ครับ
Day 3 : เดย์ทริปทั้งวันในตัววังเวียงเลย รับรองว่ากิจกรรมและสถานที่สำคัญเก็บหมดครับ
Day 4 : ถ้าแรงยังไหวตื่นเช้าหน่อย แว๊นซ์มอไซต์ไป Blue Lagoon ก่อนกลับไทย
▲  เป็นไงบ้างครับ ดูแผนผมแล้วพอจะเข้าใจบ้างรึป่าว ดูไม่ยากครับ ผมตีตารางมาให้เป็นช๊อตๆ เลย
ฟิกซ์เวลา วันและสถานที่ไว้ให้ด้วย ว่าเวลานี้ วันี้ เราควรอยู่ที่ไหนแล้ว : )
ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มลงมือจองตั๋วกันเลยดีกว่าครับ : )

▲ เปิดหน้าต่างคอมพิวเตอร์แล้วเช็คตารางรถ เทียบราคากันไปเลยนะครับ
แต่ผมแนะนำว่า เดินทางนานๆ ไม่ต้องงกมากครับ เอารถดีๆ หน่อย
จะได้นั่งสบายๆ ครับ ซึ่งการเดินทางของผม เน้นเดินทางตอนกลางคืน
แล้วไปเช้าตอนกลางวันครับ จะได้ไม่เสียเวลาในการเที่ยว
ก็คือ เราได้นอน และได้เดินทาง ในเวลาเดียวกันนั่นเอง

▲ จากทั้งสองภาพด้าน บน ก็จะทำให้เราสามารถเลือกบริษัท
และตารางเดินรถให้แมทซ์กันได้แล้วครับ
ก็คือเราสามารถออกจาก กทม. ได้ตั้งแต่เลิกงานเลย
ก็คือ 21:00 น. – 23.00 น. ก็กะไปเช้าที่อุดรฯ พอดี
และก็ต่อไปวังเวียงในตอน 08.30 น. เป๊ะๆ
เมื่อใช้แผนนี้ ก็จะไปถึงวังเวียงประมาณ 3 – 4 โมงเย็นครับ

▲ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
– ค่ารถ NCA จองไปกลับ กทม. – อุดรฯ : 1,000 บาท
– ค่ารถ บขส. อุดรฯ – วังเวียง (ไปกลับ) : 640 บาท

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: เพราะฉนั้นค่าเดินทางหลักๆ ก็จะต้องจายไป 1,640 บาท ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

▲ เอาหล่ะ…. เมื่อเคลียร์ค่าเดินทางหลักๆ ได้แล้ว ถ้าอยากให้ทริปนี้สนุก
ก็แบกแค่เป้หนึ่งใบ กับแบ๊งค์พันใบเดียวไปตะลุยวังเวียงก็พอ ๕๕๕๕

▲ เมื่อแผนทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเก็บกระเป๋าแล้วลุยกันเลยครับ
แนะนำให้เอาของไปน้อยๆ นะครับ เอาแต่ของสำคัญไปเท่านั้น
ที่สำคัญ อย่าลืม passport กับกล้องกันน้ำนะครับ
เพราะกิจกรรมที่คุณจะได้สัมผัส มันเปียกแน่ๆ
รวมถึงเมืองๆ นี้ ได้ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งฝน เมืองแห่งสายหมอกครับ : )


(ขอบคุณภาพจากสมาชิกพันทิป คุณ Tiididid ครับ)

▲ หลังจากการเดินทางทางมาทั้งคืน ก็ไม่มีอะไรมากครับ เมื่อถึงอุดรฯ ก็เตรียมตัวเปลี่ยนรถไปวังเวียง
แต่ช่วงสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ ช่วงที่เราเดินทางมาถึงสะพานมิตรภาพ ไทย – ลาว
ผมได้สรุปวิธีการและหลักการคร่าวๆ ไว้ประมาณนี้ครับ เพื่อนๆ (คิดตามด้วยนะ)

1. เขียนใบผ่านแดน (ขาออกประเทศไทย) *** ต้องเก็บขั้วขาเข้าไว้ด้วยนะครับ อย่าทิ้งเด็ดขาดเด๋วงานงอก
2. ยื่นกับ ตม. พร้อม passport หลังจากนั้นให้รีบกลับไปขึ้นรถคันเดิม (ทำเวลา)

:::::::::::::::::::::::::::▲ หลังจากนั้นรถจะพาเราเดินทางข้างสะพานมิตรภาพครับ ไปยังฝั่งประเทศลาว และก็จะจอดให้ทำธุระอีกนิดหน่อย ▲:::::::::::::::::::::::::::

4. เขียนใบผ่านแดน (ขาเข้าประเทศลาว) *** ต้องเก็บขั้วขาออกไว้ด้วยนะครับ เด่วออกประเทศเค้าไม่ได้ ๕๕
5. ซื้อ Ticket เพื่อจ่ายค่าเหยียบแผ่นดิน (ราคา 10,000 กีบ หรือประมาณ 47 บาท)


(ภาพประกอบจาก : www.teawmun.com)

▲ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถคันเดิมครับ และใช้เวลาอีกราว 7 ชั่วโมง ในการเดินทางไปวังเวียง
เอาหล่ะ ช่วงนี้ก็อาจจะน่าเบื่อหน่อย แต่ก็ทำตัวให้ตื่นเต้นเข้าไว้นะครับ ๕๕
ทางระหว่าง ชายแดนฝั่งเรา ไปยังวังเวียง ค่อนข้างแย่หน่อย แคบ และบวกกับโค้งเยอะ
อาจทำให้เพื่อนๆ เมารถ หรือมีอาการเหนื่อยหล้าครับ ถ้าเป็นไปได้
หลังจากชมวิวข้างทางพอประมาณ ก็นอนเก็บแรงไปเลยครับ ๕๕๕๕


(ภาพประกอบจาก : http://laos-travel.blogspot.jp/2013/10/vangvieng.html)

▲ โอเคครับ ราวๆ บ่ายสามบ่ายสี่ เราก็จะถึงวังเวียงแล้ว ให้เราตีบไปติดต่อรถตุ๊กๆ แถวนั้นครับ
บอกเค้าว่าไปถ้ำจัง ราคาจะอยู่ที่ราวๆ 50 – 100 บาท อันนี้แล้วแต่ความเก๋าของเพื่อนๆ นะครับ
ต่อให้เยอะๆ เค้าไว้ครับ เพราะถ้ำจัง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย ความจริง สามารถเดินไปได้ด้วยซ้ำ
แต่เราต้องทำเวลา ก่อนที่ตะวันจะตกดินครับ

▲ เมื่อเราตกลงราคากันได้เรียบร้อยก็รีบเดินทางเลยครับ ที่พักค่อยมาหาทีหลัง เด่วอุทยานเค้าจะปิดซะก่อน
เมื่อไปถึงเขต ถ้ำจัง ก็จะมีประตูเก็บค่าผ่านทางครับ ราคาเข้าถ้ำจังไม่แพงครับ ตกคนละ 10,000 กีบเท่านั้น
หรือประมาณ 40 บาทนั้นแหละ หลังจากที่ซื้อ ticket เสร็จ ก็ขับเข้าไปอีกนิดหน่อย และเดินลงไปเลยครับ
ไม่ไกลไม่ไกล เพื่อนๆ ก้จะได้เจอสะพานในตำนานที่ชื่อสะพานสีส้ม นี่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวังเวียงเลยนะครับ๕๕๕


(ภาพประกอบจาก : http://laos-travel.blogspot.jp/2013/10/vangvieng.html)

▲ จากสะพานสีส้ม เดินเข้าถ้ำไปก้ไม่ไกลมากครับ สถานที่แห่งนี้ใช้เวลาราวๆ 45 – 60 นาทีก็น่าจะโอเคครับ
ไม่มีอะไรมาก แต่ควรมาครับ มาให้ถึง มาให้รู้ว่าถ้ำจังเป็นยังไง ๕๕๕๕

▲ หลังจากเที่ยวถ้ำจังเสร็จ ก็คงจะเมื่อยหล้าแล้วหล่ะครับเพื่อนๆ คราวนี้ก็เดินทางกลับเข้ามาในตัวเมือง
แล้วหาที่พักกันเลย ไม่ต้องเป็นห่วงครับเรื่องนี้เลยครับ จะบอกว่า ห้องพักที่นี้ ราคาถูกมากๆ
ต่อให้ช่วงฤดูกาลก็เถอะ ๕๕๕ เอาเป็นว่า มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบเลยหล่ะ ขึ้นอยู่กับว่า
เพื่อนๆ จะกล้าต่อเค้ารึป่าว ในเคสของผม ผมต่อได้ 40 บาท แต่ไม่ได้พักนะครับ
เพราะไม่มี wifi เนื่องจากว่า ผมเป็นคนที่ขาด social ไม่ได้ครับ
เอาเป็นว่า ไปอยู่ห้องละ 100 – 200 บาทเลยครับ หรือถ้าดีเลยก็ 400 : )

(ผมแนะนำให้ walk in นะครับ ไม่ต้องไปจองตาม agoda walk in ได้ราคาดีกว่ามาก)

▲ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ช่วงที่สอง)

– ค่ารถเหยียบแผ่นดิน : 50 บาท
– ค่ารถตุ๊กๆ ไปถ้ำจัง : 70 บาท (เฉลี่ยให้ครับ เอาแบบกลางๆ)
– ค่าเข้าถ้ำจัง : 40 บาท
– ค่าทีพักราคากลางๆ : 200 บาท
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: รวมค่าใช้จ่ายทั้งสองช่วง เป็นเงิน 1,900 บาท ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


(ภาพประกอบจาก : http://laos-travel.blogspot.jp/2013/10/vangvieng.html)

▲ เมื่อคืน หลังจากกลับที่พัก ทุกคนก็คงจะนอนสลบกันแล้วแหละครับ ๕๕
และเช้าวันนี้ เพื่อนๆ ก็ต้องเตรียมตัว ตะลุยกิจกรรมเด็ดๆ ของเมืองนี้กัน
นั่นก็คือ Day trip วังเวียงนั่นเอง Day trip วังเวียง จะมีกิจกรรมให้ทำหลักๆ อยุ่ 3 อย่าง
คือ ชมถ้ำ (จำชื่อถ้ำไม่ได้) และก็ลอยตัวเข้าถ้ำลอด (ตื่นเต้นดี) สุดท้ายคือ
คายัค หรือไม่ก็ tubing แม่น้ำซอง (อันนี้สนุกมากๆ ครับ)
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมกระเป๋ากันน้ำ กล้องถ่ายรูป และใส่แว่นกันแดด ออกเดินทางกันต่อเลย : )

▲ หลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกระวนกระวายครับ ดูนาฬิกาที่ข้อมือ
ทำยังไงก็ได้ ให้เวลาตอนนั้นมันเป็น 07.00 – 07.30 ครับ ใช่แล้ว เพื่อนๆ ต้องตื่นเช้ากันหน่อย
เดินเข้าไปตามซอกซอยที่ติดแม่น้ำครับ แถบนั้นทั้งแถบ จะมีทัวร์ Day trip จำหน่ายเต็มไปหมด
ไม่ต้องกลัวว่าจะเต็ม หรือราคาจะแพง ที่นั้น เค้ารองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้วครับ
เค้าฮั๊วกันทั้งเมือง ๕๕๕ ส่วนเรื่องราคา อันนี้ก็แล้วแต่ความเก๋าเหมือนกันครับ
ราคา Day trip จะตกอยู่ที่ราคา 300 – 500 บาท ขึ้นอยู่กับว่า เพื่อนๆ จะเก๋าขนาดไหน
ตอนนั้นผมต่อได้ราคา 400 บาทครับ ก็สบายกระเป๋ากันเป๋า สำหรับผม ถือว่าโอเคเลย

▲ จริงๆ ที่วังเวียง มีกิจกรรมให้ทำเยอะมากครับ ต้องอยู่ที่นั้นราว 5 คืน ถึงจะเที่ยวได้หมด
แต่ด้วยสูตรเร่งรัด แนบแผนที่ฉบับนี้ แล้วแล่นรถไป Destination แรกกันเลยดีกว่า
นั้นก็คือ ถ้ำหัวช้าง (จำชื่อไม่ได้นะครับ แต่ในถ้ำจะมีพระ และจะมีหินปูนที่เป็นรูปช้างครับ)

▲ ระหว่างทางเราจะเห็นวิวภูเขาที่ไม่เหมือนบ้าน เรา บวกกับบรรยากาศที่ใช่มากๆ ๕๕๕
พูดแล้วก็ยังอยากจะกลับไปอีก แต่เอาเป็นว่า ใช้เวลาราวๆ 30 นาที เราก็มาถึงจุดจอดแล้วครับ
จากตรงนี้ไป พวกเราทุกคนจะต้องเดินเท้าครับ บริเวณนี้ เราจะเข้าไปในถ้ำหัวช้าง และถ้ำลอดกัน

▲  เมื่อเริ่มก้าวเท้าออกจากรถ เพื่อนๆ ก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิต และบรรยกาศชาญเมือง อย่างลึกซึ้งเลยหล่ะ
บ้านแถวนั้นส่วนใหญ่จะใช้ไม้ทำ ผู้คนแถวนั้นส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ไถนา รอบบริเวณที่เราเดินอยู่
หลังจากหลุดออกจากหมู่บ้าน ก็จะเป็นทุ่งหน้าไกล สุดลุกหูลูกแตา และมีภูเขาสูงจรดฟ้าเป็นแบ๊คกราว
(ขอข้ามถ้ำหัวช้างไปเลยนะครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เข้าไปไหว้พระเฉยๆ)

▲ เดินเท้าราวๆ 15 นาที เพื่อนๆ ก็จะได้ยินเสียงคนจอแจ เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติครับ
น่าแปลกใจที่เมืองไทยใกล้แค่นี้ กลับไม่ค่อยมีคนไทยมาเที่ยวที่นี่เลย ๕๕ ช่างมัน เอาเป็นว่า
ข้างหน้าเราเนี่ย คือถ้ำลอดครับ ไม่สามารถเอากล้องเข้าไปถ่ายข้างในได้ เพราะมืดมาก
ถ่ายไม่ชัดเลย แม้จะมีไฟฉายก็ตาม แต่ก็จะอธิบายพอให้เห็นภาพนะครับ
เค้าจะแจกห่วง กับไฟฉายครอบหัวให้เราอย่างละชุด จากนั้นให้เราไต่เชือกเข้าไปในถ้ำ
ในถ้ำจะมืดมากๆ บวกกับน้ำที่เย็นมากๆ ด้วย พอเข้าไป เราก็จะต้องเดินก้มๆ เงยบๆ ครับ
เพราะช่องทางเดินเตี้ย และบางจุดแคบมากๆ ด้วย ข้างในจะเป็นกลุ่มหินงอกหินย้อยครับ
อาจจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่ process ที่จะไปถึงห้องข้างใน มันสนุก และน่าตื่นเต้นมากๆ
ถ้ามีโอกาส ลองไปกันดูนะครับ : )

▲  กิจกรรมถ้ำลอดเราจะใช้เวลาราวๆ 15 นาทีครับ หลังจากนั้น เค้าก็จะมีอาหารให้เรา 1 มื้อ
ซึ่งรวมอยู่ในราคา Day trip แล้ว กินให้อิ่มกันไปเลยครับ อาหารที่นั้นอร่อยมากๆ ผมติดใจสุดๆ
หลังจากที่เราทานกันอิ่มหนำสำราญแล้ว ช่วงบ่าย ก็เตรียมตัวตะลุยแม่น้ำซองกันได้เลย : )

▲ เอาหล่ะ หลังจากรถหยุด เราก็ปล่อยตัวกันเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา
ช่วงนี้เราก็จะพายเรือคายัคไปเรื่อยๆ ครับ ไม่รีบไม่เร่ง ชมบรรยากาศริมน้ำไปเรื่อยๆ
บางช่วงก็เป็นแก่งเล็ก บางช่วงก็เป็นแก่งใหญ่ น้ำไหลเร็วแรงสลับกันไป
ข้างหน้าและรอบข้างจะเป็นกระต๊อบ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ประปาย
บวกกับทิวเขาสูง ที่กลายมาเป็น Background พื้นหลังให้เราอย่างสวยงาม

▲ นอกจาก คายัค ยังมี Tubing ด้วยนะครบ แต่การ Tubing จะใช้เวลานานกว่าคายัคมาก
เพราะเป็นห่วงยาง ลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ  Tubing ก็เลยเหมาะกับ Backpacker ที่มาค้างเมืองนี้ยาวๆ ครับ
ในยุค ค.ศ นี้ ทางรัฐบาลและสมาชิกหมู่บ้านของวังเวียง ได้ยกเลิกกิจกรรมผาดโผนไปหลายกิจกรรมครับ
เราก็เลยไม่ค่อยได้ลุย และสนุกอย่างเต็มที่เท่าไรนัก แต่ก็ยังโชคดี ที่ยังมีกิจกรรมแบบนี้ เหลือให้เราได้สัมผัสอยู่

(แต่เด่วตอนท้าย ไมจะสรุปให้ฟังแล้วกัน ว่าสมัยก่อน วังเวียงมันน่าตื่นเต้นและเร้าใจขนาดไหน)

▲ หลังจากที่เดินทางมาได้ 3/4 ของสายน้ำ ไกด์เค้าก็จะให้เราหยุดพักริมน้ำครับ
ซึ่งสถานที่นี่เอง ที่ผมอยากมามากๆ นั้นก็คือ คลับหรือบาร์ริมน้ำนั้นเอง โอ้วแม่เจ้า
มันยอดมากๆ ถ้าได้ drink ในบรรยากาศแบบนี้นะ ถือว่าคุ้มที่ได้มาแล้วหล่ะ ฟินๆๆๆ > <

▲  ข้างในบาร์ส่วนใหญ่จะมีแต่ชาวต่างชาติครับ ใครใคร่กินอะไรก็กิน อยากดริ๊งค์อะไรก็จัดครับ
ราคานี้ไม่รวมอยู่ใน Day trip ครับ แต่ก็กินพอประมาณครับ เพราะเราเอาตังค์ไปน้อย ๕๕๕
ในบาร์จะมีโต๊ะพูล โต๊ะปิงปอง เปลแกว่างให้นอนพัก โต๊ะทานข้าวริมน้ำ บวกกับเสียงเพลงมันส์ๆให้เรา ได้ขยับร่างกายกัน
ไปคนเดียวยังได้เลยครับ จังหวะนั้น เพราะเพื่อนใหม่ที่เตรียจะมาทำความรู้จักกับเรา เยอะมากๆ ๕๕

▲  จริงๆ เค้าให้พักแค่ 30 – 45 นาที แต่ด้วยความเพลิดเพลิน กุล้อไปชั่วโมงหนึ่งเลยจ้าาาา ๕๕๕
เลยทำให้ไกด์ไม่พอใจเท่าไหร่ในตอนนั้น แต่ก็นะ  ไหนๆ ก็มาและ เอาให้เต็มอิ่มและกัน
หลังจากที่ชิวลี่ เสร็จกันไป ก็คายัคไปอีกแป๊ปหนึ่ง ก็ถึงจุดสุดท้ายของความทรงจำแล้วหล่ะครับ
ในตอนนั้นพูดในใจว่า “กุต้องมาอีก กุต้องมาอีก กุต้องมาอีก” และก็เดินกลับที่พักกันไป T T

▲ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ช่วงที่สาม)

– ค่าอาหาร : 60 บาท (Sanwich ham : 12,000 keep)
– ค่าเบียร์ : 40 บาท (Beer laos ป๋องละ 8,000 keep)
– ค่า Day trip : 400 บาท
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: รวมค่าใช้จ่ายทั้งสามช่วง เป็นเงิน 2,500 บาท ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
(ถึงงบที่ตั้งไว้และ ๕๕ แต่ไม่เป็นไรมั้ง เกินมานิดหน่อย คงไม่เป็นไรเนอะ)

▲ เอาหละครับเพื่อนๆ ผมก็พาเพื่อนๆ เดินทางมาจนจะถึงบทสุดท้ายของทริปนี้แล้วหล่ะ
ทีเหลือก็มีแค่ Night Life ในตัวเมืองเท่านั้น
สำหรับคนที่ชอบดริ๊งส์เบาๆ ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย
คุณมาถูกเมืองแล้วแหละ เพราะบรรยากาศมันใช่ และคนรอบข้างมันโดนมากๆ
แต่ส่วนสำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบแด๊นส์ ก็ต้องเสี่ยใจด้วย
เมืองนี้ไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไปได้นะ
มีอยู่ผับเดียวเท่านั้น ชื่อ The Moon ครับ

▲ เอาหล่ะ หลังจากที่เพื่อนๆ ได้เห็นรีวิวตัวนี้ไป หลายคนก็คงจะอยากเก็บกระเป๋าไปซะเด่วนี้เลย
แต่ผมจะบอกก่อนว่า สิ่งที่ผมรีวิวไป มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
เพราะทุกวันนี้ ทางผู้ใหญ่บ้าน เค้าตัดกิจกรรมหลายๆ กิจกรรมออกไปครับ
พอเข้าใจเลยนะ บรรยากาศมันได้ คนรอบข้างมันใช้ อะไรๆ ก้ดีไปหมด
ทุกคนปล่อยกายปล่อยใจ จิบเบียร์และเล่นกิกรรมทางน้ำกัน
เพลิดเพลินจนเกินไปจนทำให้ หายตัวไปใต้น้ำโดยที่เพื่อนๆ รอบข้างก็ไม่รู้
มันไม่ใช่แค่รายเดียว แต่หลายราย จนทำให้ผู้ใหญ่บ้านที่นี่
ยกเลิกกิจกรรมเหล่านี้ไป

▲ สมัยก่อนผมก็เป็นเหมือนเพื่อนๆ ครับ พอเห็นรีวิววังเวียงก็อยากไป อยากไปมากๆ อยากไปสุดๆ
แต่ภาพที่ผมเห็นในตอนนั้น มันเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลย ของคนอื่นๆ สมัยก่อน มันมีกิจกรรมสนุกๆ
เต็มไปหมดเลยครับ มันทำให้อดใจไม่อยู่ อย่างไรก็ตาม ผมก็จะขออนุญาติ
เอาภาพจากหลายๆ บล๊อค หลายๆ เว็บไซต์ มาให้เพื่อนๆ ชมกัน
ว่าสมัยก่อน วังเวียง มันเป็นเมื่องที่น่ามาอยู่ และน่ามาสัมผัสเพียงใด
ผมจะไม่บอกว่า กิจกรรมแต่และกิจกรรมคืออะไร แต่จะให้ภาพ บรรยายตัวของมันเองครับ จัดไป!!!!

▲  ก่อนจบ ขอทิ้งท้ายอะไรซักอย่าง ช่วงที่ไปวังเวียง ยังไงก็เที่ยวให้ระวังกันด้วยนะครับ
เพราะกิจกรรม และบรรยากาศมันสุดจริงๆ อย่าเพลิดเพลินจนลืมดูแลตัวเอง
และที่สำคัญครับ แนะนำให้กินเจ้านี้เลยครับ อร่อยมากๆ ผมซื้อกินทุกมื้อเลย ๕๕๕
ราคาไม่แพง 10,000 – 20,000 กีบ แล้วแต่ว่าเราจะใส่อะไรข้างในครับ
สำหรับผมก็ขอตัวก่อนแล้วกัน ยังไงพรุ่งนี้ตื่นเช้า ก็เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะครับ
ทนๆ นั่งตูดบานกันไปราว 10 กว่าชั่วโมงกันเลยทีเดียว ๕๕๕ เจอกันรีวิวหน้าครับ▲ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ช่วงสุดท้าย)

– ค่าอาหาร : 60 บาท (Sanwich ham : 12,000 keep)
– ค่าเบียร์ : 40 บาท (Beer laos ป๋องละ 8,000 keep)
– ค่า ค่าห้องพัก : 200 บาท
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: รวมค่าใช้จ่ายทั้งสามช่วง เป็นเงิน 2,800 บาท ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
(โทษทีนะครับ เกินมา 300 บาท T T )