Lost to the wild ลาวใต้แม่งพีค!!!

คืองี้ เคยเห็นคนโหนซิปไลน์ข้ามน้ำตกที่ลาวใต้มานานมากแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เดินทางไปสักที เพราะว่ามันเต็มตลอดในช่วงเทศกาล ก็ด้วยความที่เราเป็นพนักงานประจำ มันเลยไปเที่ยวเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้อย่างชาวบ้านเค้าไม่ได้ ทริปนี้เลยจองข้ามปีไปสองปีเลย เป็นทริปที่จะต้องเดินป่า ปีนเขา โหนซิไลน์ โรยตัวน้ำตก และกินอยู่กลางป่า นอนบ้านต้นไม้อย่างที่ไม่มีใครคาดถึง

โปรมนี้เป็นโปรกแกรมของ Green Discovery Pakse  ครับ ชื่อโปรแกรมว่า Tree Top Adventure ทุกคนจะแต่งกายอย่างทะมัดทะแมง แล้วนี้ชุดเซฟชีวิตพร้อมกับตะปบลูกกลิ้งสำหรับซิปไลน์ที่ไหนก็ได้อย่างละอัน มีให้เลือกอยู่สองแบบคือ สองวันหนึ่งคืน กับสามวันสองคืน ก็ด้วยความที่จองข้ามปีมาสองปีแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มหน่อย จัดไปสามคืนไปเลย ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าอยากจะไปวันไหนก็ได้ไปนะครับ ต้องเช็คตารางว่างก่อน สามารถเช็คตารางว่างของทัวร์นี้ได้ที่ https://goo.gl/g6KdZF ตะกี้เช็คดูคร่าวๆ สำหรับปีนี้ มีจองไปถึงเดือนพฤษภาคมแล้ว

ซึ่งแบบสองวัน กับแบบสามวันราคาจะต่างกันอยู่ 50 USD ครับ คือคือสองวันหนึ่งคืนจะไม่มีโรยตัววันที่สามกับโรยตัวลงน้ำตก 60 เมตร แค่นั้น ซึ่งก็มาคิดดูแล้ว เพิ่มอีก 50 USD ก็รับกิจกรรมกันไปเต็มๆ เลย ยังไงถ้าใครได้ไป ก็อยากจะให้จัด ตัว สามวันสองคืน ราคา 299 USD ไปเลย เอาล่ะ เกริ่นมาโคตรยาว เรามาเดินทางกันแบบเร็วๆ แล้วเอาแต่เนื้อๆ เข้าใจง่ายๆ ดีกว่า ว่าไปยังไง อยู่ที่ไหน ที่นั่นมีอะไรบ้าง แดกอะไร แล้วห้ามพลาดอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เริ่ม

มันอยู่ที่ไหนแล้วจะไปยังไง

อิโปรแกรมโหนซิปไลน์ข้ามน้ำตกตัวนี้เนี่ย อยู่ที่เมืองปากเซ ลาวใต้ครับ การเดินทางก็มีไม่กี่ทางให้เลือกหรอก ก็จะมีบินมาลงปากเซ นั่งบัส ขับมาเอง หรือจะเดินมาก็ได้ถ้าใจถึง แต่ครั้งนี้เรานั่งบัสมา เพราะค่าตั๋วบินมาลงปากเซยั่งกะไปโตเกียว เพราะฉะนั้น การนั่งบัสจึงเป็นอะไรที่เหมาะเหม็งที่สุด จ่าย 900 บาท จาก กทม. ถึงปากเซเล… อ่อๆๆๆๆ แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่ง คือนั่งเครื่องมาลงอุบล แต่จ่ายค่ารถตู้อีก 200 บาทมาลงปากเซ อันนี้ก็เป็นอีกวิธีสำหรับคนมีเวลาน้อยหรือไม่อยากนั่งรถนานๆ

เราจะซื้อทัวร์นี้ได้อย่างไร

เจ้า Program Tree Top Adventure เนี่ย ควรจองมาก่อน เพราะถ้า walk in โอกาสที่จะไม่ได้ไปเยอะมากกกก ก็เข้าไปจองและ booking วันในนี้เลย https://www.greendiscoverylaos.com หลังจากติดต่อกันเสร็จ เค้าก็จะมีเอกสารมาให้เรากรอก รวมถึงวิธีการโอนเงินต่างๆ ซึ่ง Package ของ Green Discovery Pakse ก็มีหลายอย่างนะ แต่ครั้งนี้ขอเน้นที่ตัว Tree Top Adventure ก็อย่างที่บอกไปว่ามี 2 แบบให้เลือก คือสองวันหนึ่งคืน กับสามวันสองคืน จะเอาอันไหนจิ้มเลย และหลังจากที่เราได้วันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกรบ ซึ่งการออกรบเค้าก็จะนัดเราที่ Office ครับ รายละเอียดตรงนี้ ไปคุยกันในเมลล์เลย

Tree Top Adventure

มาถึงขั้นตอนนี้ คิดว่าคงซื้อตั๋วบิน กินรถนอน แล้วมาอยู่ที่หน้า office ของ Green Discovery Pakse กันแล้ว จากตรงนี้ไป เค้าก็จะให้เรานั่งรถเหลืองๆ ครับ เป็นรถ mini van ขับไปที่ Bolaven ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงได้ ช่วงทางที่ขับเลี้ยวขวาลงถนนใหญ่จะรู้สึกถึงความลำบากจากถนนลูกรัง ลากยาวจนไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีร้านค้าอยู่สองร้านตรงข้ามกัน

พนักงานเค้าจะเอาอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีมาให้เรา fitting ที่นี่เลย แล้วก็จะ Brief ทุกอย่างที่จำเป็นให้กับทุกคนได้เข้าใจว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร แล้วมันมีอะไรที่ต้องระวังบ้าง ซึ่งถ้าจะให้ผมเล่าคร่าวๆ แล้วก็คือ เราจะต้องเดินลงเขาไป 4 กิโลเมตร จากนั้นก็จะ Zip-line ไปมากลางป่าจนถึงบ้านพักของเราเลย แต่มันไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน เตรียมอุปกรณ์ให้ดีๆ แล้วเรามาเริ่มวันแรกของการเดินทางกันเลย

DAY 1

หลังจากที่บัสส่งเรามาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้ว เราก็จะต้อง fitting ชุดแต่งกายต่างๆ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ตามแต่เราเลย อยากใส่ชุดยังไงก็ได้ ขาสั้นขายาวได้หมด กลัวดำก็ใส่แขนขายาว แต่ถ้าชิลๆ ก็ถอดเสื้อเดินคูลๆ ข้างในอากาศมันคืออากาศในป่า มันจะเย็นๆ แล้วก็เงียบๆ มีเสียงลม เสียงน้ำ เสียงของขุนเขา

เดินไปประมาณ 2 กิโลเมตร ด่านแรกที่ต้องเจอคือ ไต่เชิกสามเส้นข้ามแม่น้ำครับ อันนี้สิวๆ เลย ไปได้ชิลๆ แล้วก็ต้องโดนต่อ เราเริ่มเดินราวๆ 10 โมงครับ แล้วมาหยุดพักที่ศาลาริมน้ำตกแห่งนี้เพื่อทานข้าวกลางวัน

ซึ่งข้าวกลางวันที่เค้าเตรียมมาก็ Local สุดๆ ตั้งแต่เอาใบตองมาทำเป็นถาดข้าวใบใหญ่ๆ ให้เรา มีข้าวเหนียว แล้วก็กับข้าวสองสามอย่างให้เราได้จ้วงกินกับเพื่อนๆ ที่ร่วมทริป หลังจากอิ่มหนำสำราญก็เดินทางกันต่อ

เดินกันมาพักหนึ่ง ช่วงนี้จะเป็น Zip – line รัวๆ เลย ผมจำไม่ได้ว่ามีกี่ฐาน แต่มันเยอะมาก มีทั้ง Zip-line และโรยตัวจากที่สูง ข้ามป่า ข้ามน้ำ ข้ามน้ำตก สนุกมากๆ

ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือจุดนี้ เป็นจุดที่จะเห็นวิวน้ำตกแบบสวยเว่อร์ แล้วหลังจากถ่ายรูปชิคๆ กันไปแล้ว จุดข้ามน้ำตกตรงนี้แหละ จะเป็นจุดปล่อย zip-line คู่ จุดเดียวของที่นี่ ซึ่งหากใครไปกับคู่รัก ก็น่าจะได้ภาพที่ประทับใจกลับบ้านไปแน่นอนนนน

หลังจากจุดนี้เราก็เดินข้ามสะพานตัววีอีกรอบ เพื่อเข้าบ้านพัก ตอนที่เราไปฝนตกพอดี การเดินทางลำบากมาก แต่ก็สนุกไปอีกแบบ เราถึงประมาณ 6 โมงเย็น แต่ด้วยความที่อยู่ในป่า มันก็เลยมืดเร็วกว่าปกติ

คืนนี้เรานอนรวมกันครับ ไม่นอนบ้านต้นไม้ เพราะเราไปกันสิบคน เลยเอาบ้านที่นอนรวมกันได้ดีกว่า แต่ก็จะมีโซนที่แยกขชายหญิงให้นะ เพราะงั้นใครที่ห่วงเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกลัวไป

เสร็จแล้วก็มาทานข้าวครับ อาหารอะไรก็อร่อยครับ กับความเหนื่อยและบรรยกาศแบบนี้ ในป่าวตอนกลางคืนมันดีจัง ผมชอบเสียงในป่าแบบนี้ มันดี มันดีจริงๆ

DAY 2

เมื่อคืนนอนหลับแบบสลับ ปวดเมื่อยเหนื่อยขาไปแบบทั้งตัว จากการเดินทางเมื่อวาน ทำให้เรารู้แล้ว ว่าเพื่อน ๆต้องเตรียมอะไรมาบ้างสำหรับทริปนี้ เด่วจะลิสต์คร่าวๆ ให้

1.       สเปรย์กันยุง

2.       ไฟฉาย

3.       ถุงพลาสติกใส่ผ้าเปียก

4.       กล้องกันน้ำ

5.       กางเกงขายาว แขนยาว

6.       เครื่องกันหนาว (ตอนกลางคืนหนาว)

7.       ยารักษาโรคพื้นฐาน

8.       แว่นกันแดด

9.       หมวกกันแดด

10.   รองเท้าผ้าใบ และรองเท้าแตะ

11.   กระเป๋ากันน้ำ

12.   ผ้าเช็ดตัว

น่าจะมีประมาณนี้ อันนี้คือคิดให้คร่าวๆ เลยนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่เป๋ากันน้ำนี่แหละ คืออยู่ในป่า เล่นกิจกรรมแถวน้ำตก กลางแม่น้ำแบบนี้ ไม่รู้ว่าฝนมันจะตกมาเมื่อไหร่ แล้วรองเท้าก็สำคัญ ไฟฉายก็สำคัญ ยังไงอย่าลืม

เช้าวันที่สองหลังจากทานอาหารเสร็จ วันนี้จะเป็นการเล่นกิจกรรมอย่างเดียว zip-line เน้นๆ ไม่อิงนิยาย เติมพลังกันให้พร้อมแล้วออกไปลุยกัน

ตรงนี้ขอแทรกนิดหนึ่ง สำหรับคนที่สงสัยว่า เวลาเค้าทำ zip line เค้าทำกันยังไงถึงดึงเส้นยาวๆ ข้ามเขาได้ เค้าใช้อุปกรณ์พวกนี้ครับ แล้วก็ดึง Balancer เอา ค่อยๆ ดึงจนมันตึงครับ คือโหดดดดดดดจริงๆ ข้อมูลตรงนี้ทาง Staff แจ้งมานะครับส่วนจะจริงไม่จริง อันนี้ต้องไปสืบต่อเองแล้วล่ะ

ในช่วงเช้าเนี่ย เราจะลุย zip-line จ๋าเลยครับ เล่นกันจนทำทุกอย่างเองเป็น set อุปกรณ์เป็น คล้องห่วงนู่นนี่นั่น เรียกได้ว่าพอมันวันนี้ ช่ำชองแล้วล่ะ และมีจุดที่ยาวที่สุดคือ 370 เมตร จุดนี้เป็นอีกจุดที่ผมชอบมาก

เออออออ ผมลืมบอกไปเลย ว่าที่พักของเราอยู่หน้าน้ำตก คือสวยมากกกกกกกกกกก ถึงว่าเมื่อคืนตอนมาถึงมืดๆ ได้ยินเสียงน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะใกล้ขนาดนี้ ๕๕๕๕

ช่วงบ่ายเรามีกิจกรรมท้าความกล้าสำหรับคนที่กลัวความสูง เห็นน้ำตกนั่นมั้ย ตรงที่อยู่หน้าที่พักเรา เราต้องโรยตัวจากขั้นที่สองตรงนั้นลงมา ซึ่งมีความสูงราวๆ 60 เมตร ก็จะต้องเดินย้อนกลับไปในทางที่กลับมา แล้วก็โหน zip line เล่นสองสามครั้ง จนไปถึงจุดพีคจุดเดิมก่อนที่จะโหน zip-line คู่ แต่ครั้งนี้ จะเดินลงมาทางขวา

ตอนแรกเค้าก็จะให้เราลองก่อน สอนการโรยตัว จับเชื่อกที่ 5 เมตร ใครที่ตัดสินใจมา พอถึงขั้นนี้ก็ถอยไม่ได้แล้วนะ ครั้งแรกก็เด๋อด๋ากันไป ขาสั่นบ้างก็มี แต่เอาล่ะ ถึงเวลาละ

จุดนี้แค่มองลงไปด้านล่างก็เสียวแล้ว เราเริ่มเอามือขวาจับเชือก แล้วเอามือซ้าย control ไว้ข้างหน้า เริ่มปล่อยตัวเองลงมา ไอ่สัส กระแทกหิน ๕๕๕ มันเอียง มันไม่เป็น คือมันต้องนอนลงไปเลยอ่ะ ประมาณว่า ให้เท้าเราเดินอยู่บนหินแบบ 90 องศา

แต่สุดท้ายก็ลงมาได้ ประทับใจมากๆ นอกจากกิจกรรมมันจะเด็ดดวงแล้ว แต่วิวและบรรยากาศที่นี่มันมาเติมเต็มความยิ่งใหญ่ ทำให้อะไรๆ มันก็ดีไปหมด

จากจุดนี้เอง จะเป็นการโหน zip-line เข้าบ้าน นี่เป็นอีกหนึ่งความฝันที่รอมานาน พอได้ทำ รู้สึกฟินมาก เราประกอบชุดด้วยตัวเอง คล้องทุกอย่างด้วยตัวเอง โหนเอง เห็นน้ำตก เห็นแม่น้ำตอนข้าว กด zip-line ลงแรงๆ เพื่อให้มันชะลอความเร็วก่อนถึงบ้านต้นไม้ และจบท้ายด้วยการถอด ชุด zip-line ออกเมื่อเท้าแตะ platform

คืนนี้เป็นอีกคืนทิ้งท้ายที่ดีงามก่อนกลับ อากาศดี ดาวเต็มท้องฟ้า หลังจากกินข้าวจนอิ่มหมีพีมัน เราก็หันหัวชนกันและนอนนับดาว แต่มันก็ไม่ได้ชิลขนาดนั้น เพราะเรื่องที่เอามาเล่าในวงกลางป่า เป็นเรื่องผี ฮาๆๆคืนนั้น สำหรับผม ผมว่าผมโดนนะ และคิดว่าพี่ในทีมก็โดนเหมือนกัน เอาจริงก็ในนี้ค่อนข้างเจ้าทีแรงแหละ คงไม่มีเพื่อคนไหนทำแบบนี้ตอนกลางคืนหรอกมั้ง ผมคิดว่านะ…

DAY 3

วันสุดท้ายของการเดินทาง เป็นอีกวันที่ดีใจสุดๆ ที่จะได้กลับบ้าน อยากสัมผัสกับโลกภายนอก อยากบอกแม่บอกพ่อบอกคนใกล้ชิดว่าที่นี่มันพีคยังไง

เราเก็บข้าวของแล้วเริ่มเดินย้อนกลับไปจากเส้นทางที่เราเดินลงมาในวันแรก แต่ครั้งนี้พอถึงสามแยกจะเบี่ยงขวาแล้วเดินขึ้นทางชันไปเรื่อยๆ เอาล่ะ ความเหนื่อยมาเยือนแล้ว

เดินไปสักพักจะเจอกับหน้าผา ให้ตายเถอะ พวกเราต้องปีนครับ แต่ที่นี่มีที่ยึดให้เราจับแล้วไต่ไปตามผา ทแยงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สามารถยืนได้ ให้ตายเถอะ ผ่านมาสองวัน จุดนี้พีคสุด เหนื่อยสุด และน่ากลัวที่สุด ฮาๆๆ

พอขึ้นไปถึงข้างบน ขอนั่งพักยาวๆ เลย แล้วหลังจากที่เราเดินต่อไปอีกสัก พัก ก็ถึงอีกจุดที่ผมชอบอีกแล้ว นั่งก็คือ จุดบนสุดของน้ำตกขมึบ คือมันดีมากกกกกกกกกกกกก คือเห็นวิวแบบสุดลูกหูลูกตา คิดว่าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

ขากลับเดินแบบไม่อยากเดินแล้ว เพราะเดินขึ้นตลอด เราถึงร้านค้าจุดจอดรถวันแรกราวๆเที่ยงวัน พร้อมกับประสบการณ์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับการโหน zip-line ในสถานที่แบบนี้ มันคงไม่มีใครได้มาง่ายๆ หรอก ขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจมา ขอบคุณทีมงาน Green Discovery Pakse ทุกคนที่ดูแลเราอย่างดี ถ้ามีโอกาสจะกลับมาแน่นอน แล้วเจอกันระหว่างทาง

Leave a Reply

*