เล่นสโนบอร์ด กอดฟูจิซัง แล้วไปเซโรงังที่โตเกียวเก๋ๆ ด้วยงบไม่เกิน 30,000 บาท

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ไมมีรูทแนะนำรูทหนึ่งที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวอยู่ปุ่นน้อยนิด สักสามสี่วันนี่ถือว่าครอบคลุมกับรูทนี้ครับ ซึ่งการเดินทางในวันนี้ ไมจะพาเพื่อนๆ บินไปที่โตเกียว แล้วขึ้นเหนือไปจังหวัดนากาโนะ ไปเล่นหิมะ จากนั้นก็ลงมาปั่นจักรยานรอบฟูจิที่คาวากูจิโกะ ก่อนจะไปจบย่าน Downtown ฮิปๆ กลางกรุงโตเกียวแล้วบินกลับ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเล… เดี๋ยว!!!

เดี๋ยวๆๆๆ ผมลืมบอกไปเลยว่าทริปนี้ผมมากับพ่อแม่และก็พีสาวครับ แล้วกล้องที่ใช้เล่าเรื่องอยู่ตอนนี้ก็มีกล้องตัวเดียว คือกล้องมือถือ ฮาๆๆ ทริปนี้ผมพก Huawei GR5 2017 ตอนผมได้เครื่องมาจากผู้ใหญ่ใจดี เค้ากระซิบบอกผมว่า น้องไม…รุ่นนี้มีดีที่กล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล แล้วอีกตัว 2 ล้านพิกเซล จุดเด่นคือถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังชัดก็ได้ ถ่ายก่อนแล้วเอามาปรับโฟกัสทีหลังได้ ปรับค่า F ได้ บางรูปนี่เทียบเท่ากล้องตัวใหญ่เลยนะ ทีเดียวจบไม่ต้องพึ่งแอป กลายเป็นว่าทุกรูปในกระทู้นี้ผมถ่ายด้วยเจ้า Huawei GR5 2017 ทั้งหมด ไม่ได้แต่งสีหรือใส่ฟิลเตอร์ใดๆ100%ครับ จบหลังกล้องหมดทุกใบ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย!!!

เพื่อนๆ พอจะเห็นภาพคร่าวๆ แล้วใช่ไหม ว่าเราจะเดินทางแนวนี้ ก็ไล่เป็นวงกลมจนจบหลูบ อยากอยู่เหมืองไหนนานหน่อย ก็เพิ่มวันไป แต่ถ้าจะเอาแบบฟินๆ เราแนะนำที่นะงะโนะ เอาสักสองวันไปเลย ซึ่งการเดินทางส่วนใหญ่ก็มีบัส รถไฟ และหากไปกันเยอะก็เช่ารถขับไปกันเองจะถูกกว่าครับ ราคาเฉลี่ยค่าเช่ารถแบบ Standard ประมาณ 2,500-3000 บาทต่อวัน หนักค่าทางด่วนหน่อย แต่ก็คุ้ม ประหยัดเวลา ที่สำคัญสะดวกมากๆ

ที่แรกที่เราจะพาไปคือ นะงะโนะ ครับ เมืองนี้อยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู ห่างจากโตเกียวไม่เกิน 3 ชั่วโมงครับ คือใกล้มาก แล้วสามารถเห็นหิมะได้แบบสุดลูกหูลูกตา แนะนำให้มาช่วงกลางเดือนธันวาคม ถึงกลางมีนาคมครับยังสวยอยู่ คือมาเพื่อเล่นหิมะเลยเฉพาะเลยเมืองนี้ แล้วคือถามว่า นะงะโนะ มาแล้วจะเล่นสกีที่ไหน ต้องทำอย่างไร เอาเป็นว่า ไม่ต้องจองอะไรมาทั้งนั้นครับ คือมีทั่วเมือง มีทั่วจังหวัด แล้วอำเภอข้างๆ ก็มี จอดรถแล้วหาที่ปักหลักไปเลยครับ ง่ายมากๆ

ซึ่งเมืองที่ผมไปมันเลยออกไปไกลหน่อย ชื่อเมือง Iiyama ที่มาเมืองนี้เพราะต้องการไปดูลิงแช่ออนเซ็นด้วย เพราะฉะนั้นผมเลยแนะนำไงว่า ถ้ามาหลายคนให้เช่ารถมา สะดวกมากๆ กลับมาที่ทริปรูทนี้กันต่อ ขับรถไปเรื่อยๆ เดินทางไปถึงเมือง Iiyama เราจองทีพักอยู่บนเขาครับ ชื่อ Dancing House เป็นที่พักที่ชิคมากๆ แล้วคือราคาได้อีกด้วย

พอไปถึงก็ทำการเช็คอินปกติครับ แล้วก็ถามเค้านู้นนี่นั่นว่ามีที่เล่นหิมะตรงไหน เค้าบอกว่ามีเยอะมาก เดินไปหน้าที่พักก็มี ขับรถไปก็มี แต่เค้าแนะนำมาที่หนึ่ง บอกว่าให้ขับไปทางซ้ายเรื่อยๆ หนึ่งกิโลเมตรเดียวจะเจอเอง แล้วเราก็ขับมาจนเจอรถคันนี้ครับ

จ้าาาาา วิวสวยงามมาก ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็มาถึง Ski Resort แห่งหนึ่งที่มีรถจอดเยอะมาก ผมแม่งตกใจ จอดรถทิ้งไว้ แล้วเข้าไปสอบถามว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอย่างไร และภาพแรกที่ผมเห็น มันทำให้ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะหากผมได้เล่นสโนบอร์ดที่นี่จริงๆ ครั้งนี้ คือครั้งที่สองของชีวิตผม

พนักงานบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายครับ มีแค่ค่า Cable Lift ครั้งละ 350 Yen ถ้าเหมาทั้งวันก็ 1,800 Yen เพื่อนๆ ก็เลือกเอาครับ ว่าจะเล่นนานขนาดไหน ตอนผมไปเล่นครึ่งวันครับ ก็จ่ายเท่าที่ขึ้นไป ส่วนอุปกรณ์ก็มีค่าใช้จ่ายครับ ตามราคาที่เค้ากำหนดในแต่ละสถานที่ ซึ่งราคาก็จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราไปเล่นที่ไหน แต่วันนั้นเราโชคดี ที่เจ้าของที่พัก ให้เรามายืมเล่นฟรี ไม่เสียเวลาดีกว่า ไปเล่นกัน แงงงงง > <

ก็เล่นกันไปตามประสาครอบครัวครับ ช่วงที่เล่นหิมะก็มีภาพน้อยหน่อยมันสนุกมาก ไม่ถ่ายวิวอะไรมันแล้ว กูจะเล่น ฮาๆๆ ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ราวๆ 2-3 ชั่วโมงก็ปวดขาปวดตูดมากๆ แล้วครับ มันล้มบ่อยเกินไป แงงงง เสร็จจากนั้นอย่างที่เกริ่นไว้ เราก็เดินทางไปที่ Monkey Onsen กัน ซึ่งหาจากจุดนี้ราวๆ 45 นาที เท่านั้น

ไปถึงด้วยความหิวโหยครับ แวะร้านอาหาร สั่งของมาทานกันเพิ่มพลัง ตอนนี้ขอโชว์กล้องหน่อย คือเจ้า Huawei GR5 2017 มันสามารถถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ครับเพื่อนๆ คือแบบเสมือน DSLR ที่ใช้เลนส์ใหญ่ๆ มาซูมแล้วโฟกัสจุดที่ต้องการให้หลังเบลอยังไงยังงั้น ไปดูภาพกัน

เยดเปดดดดด เป็นไงล่ะ แล้วคือที่พีคอยู่ตรงนี้ หลังจากที่เราเปิดโหมดหน้าชัดหลังเบลอแล้ว รูปที่ถ่ายเรารู้สึกไม่พอใจ เราอยากเปลี่ยนโฟกัสและความชัดของภาพ เราก็สามารถมาปรับเปลี่ยนย้อนหลังได้ครับ อย่างภาพนี้ ตอนแรกโฟกัสไปที่ตรงกลางภาพ ตรงไข่เม็ดแดงๆ อ่ะ แต่ลองเปลี่ยนมาเป็นโฟกัสที่แซลม่อนชิ้นที่สามสี่ ก็ทำได้ บร๊ะเจ้าาา!!!

เอาล่ะ โม้มาเยอะแล้ว แล้วก็อิ่มแล้วด้วย เดินทางกันต่อ ค่าเข้าไปชมลิงออนเซนเนี่ย เพื่อนๆ จะต้องเสียค่าเข้าคนละ 800 Yen ครับ แล้วคือต้องเดินไปกลับจากที่จอดรถราวๆ 4 กิโลด้วยกันด้วยพื้นน้ำแข็งที่ลื่นปื้ด ลื่นปื้ด ข้างบนอากาศหนาวมาก ยังไงดูแลตัวเองกันด้วย

ระหว่างทางสวยงามอย่าบอกใคร เป็นป่าสนสูงใหญ่ที่มีหิมะปกคลุมไปทั่วทั้งผืน แล้วคือช่วงที่เราไปหิมะก็ตกโปรยๆ ผมโยนโทรศัพท์ให้แม่ผม แล้วบอกแม่ว่า แม่ถ่ายรูปให้ไมด้วย ถ่ายอะไรก็ถ่ายเลย แล้วไมขอด้วยนะ ฮาๆๆ นี่คือภาพแรกที่แม่ถ่ายตอนนั้น ห น้ า พ่ อ ฮาๆๆๆๆ ฮากว่านั้นคือเปิดโหมดหน้าชัดหลังเบลอด้วยเว้ยเห้ย แงงงง เป็นอีก สอนแป็บเดียวเอง

เดินไปไม่นานก็เจอวิวนี้ครับ รู้สึกแสงมันตัดกัน เลยยึดมือถือแม่มาถ่ายแป๊บหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เดินอีกราวๆ 10 นาที ก็ถึงบริเวณที่ลิงอาศัยอยู่ครับ คือลิงเยอะมากกกกกก ตรงออนเซ็นเราถ่ายมาเหมือนอย่างใน internet ไม่ได้ เพราะมันต้องซูมเข้าไปใกล้ๆ แต่ภาพที่เราได้มาก็เก๋ไม่ใช่น้อย ไปดูกัน

ภาพด้านบนแม่ให้พ่อถ่ายให้ แล้วเปิดโหมดหน้าชัดหลังเบอลไว้ ภาพออกมางี้เลย ฮาๆ สวยดีนะเราว่า ดูโฟกัสบอกเรื่องราวได้ดีพอสมควร

ก็นั่นแหละครับ ในส่วนต้นของทริปญี่ปุ่นทริปนี้ จบเพียงเท่านี้ ถึงเวลาที่เราจะเดินทางต่อไปยังคาวากูจิโกะแล้วล่ะ หากใครพอรู้ชื่อเสียง จะต้องอึ้งทึ่งเสียวกับเมืองนี้แน่ๆ คาวากูจิโกะอยู่ห่างจากตัวนะกะโนะราวๆ 3 ชั่วโมงเท่านั้นครับ

ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยวิวฟูจิในห้องพักเลย คืนนี้เรานอนที่ Hostel ใกล้ๆ กับ Kawaguchi Go Station ครับ ชื่อ Kagelow Mt.Fuji Hostel ที่พักวิวหลักล้าน ราคาเริ่มต้นที่สามพันกว่าบาท ก็นั่นแหละ เอาเข้าจริงๆ ที่พักมีเยอะ ที่เห็นวิวฟูจิ ยังไงลองหาดู วันนี้เราจะพาพ่อกับแม่ไปปั่นจักรยานเล่นรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ บ่ายๆ จะไปเล่น Fuji Q Highland แล้วไปจบด้วยการดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Chureito Pagoda ครับ ว่าแล้วก็ลุกออกจากที่นอนแล้วลุยกันเลย

ละลายหลังกันให้สะใจไปเลย เป็นไงล่ะ ฮาๆๆ

ก็ปั่นไม่ครบรอบหรอกครับ ทั้งเหนื่อย ทั้งหนาว ส่วนใหญ่ก็จอดตามจุดต่างๆ ถ่ายรูปเล่นกันอย่างที่เห็น แล้วคือด้วยระบบโฟกัสขนาด 0.3 วินาที แบบ PDAF รุ่นที่สองของ GR5 (กูขอพูดให้แม่งดูเป็นทางการน่าเชื่อถือหน่อย กูอุตส่าห์ไปหาข้อมูลมา ฮาๆ) มันทำให้เก็บภาพต่างๆ ได้คมชัดมากๆ ไม่ว่าจะถ่ายวิวระหว่างขับรถ ถ่าย Cable Car ขณะแล่นอยู่บนอากาศตอนอยู่นะงะโตะ หรือตอนคุณพ่อปั่นจักรยานภาพด้านล่าง ก็ทำให้ภาพออกมามีคุณภาพน่าประทับใจโคตๆ แล้วคือเจ้า Huawei GR5 2017 เค้ามาพร้อมกับหน่วยประมวลผลที่ทำงานรวดเร็ว แรมขนาด 3GB เลยทำให้การประมวลผลค่อนข้างเร็ว ทันทุกช่วงเวลาที่ต้องการหยิบมือถือมาเก็บภาพสถานการณ์ตรงหน้า สุดท้ายคือมีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ ช่วยให้ข้อมูลของเราปลอดภัย สามารถปลดล็อคการใช้งานด้วยเวลาเพียง 0.33 วินาทีเท่านั้น เริศไปอีกกกกกก!!!

จบจากปั่นจักรยานเล่นผมก็ไปเล่นรถไฟเหาะที่สวนสนุก Fuji Q Highland ครับ ตรงนี้ไม่ได้เก็บภาพมาฝากเลย เพราะเค้าไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไป งั้นขอตัดบทไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Pengoda เลยละกัน ตรงนี้ห่างจากตัวเมืองราวๆ 5 กิโลเมตรครับ นั่งรถไฟ หรือขับรถไปก็ได้ ถ้าขับรถไป มีที่จอดรถฟรีครับ ไม่ต้องห่วง

เพื่อนๆ จะต้องเดินขึ้นบันไดร้อยขั้นต้นๆ ครับ แล้วก็จะมาเป็นเจดีย์ Pengoda อยู่ด้านบน ผมมาทันเวลาพอดี มันกำลังจะตกลง ผมนั่งลงแล้วดูเจ้าอาทิตย์ค่อยๆ อัสดงไปอย่างช้าๆ ช้าจนดูเวลาอีกที่มันมืดแล้ว

ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ากล้องโทรศัพท์ราคา 8,900 บาท จะถ่ายภาพตอนกลางคืนได้สวยขนาดนี้ บระเจ้า คือเจ้านี่มันทำให้ผมตกใจมาก แต่ก็นะ รีบลงเถอะ ข้างบนหนาวมาก ยิ่งดึกยิ่งหนาว แล้วนี่คือส่วนกลางของทริปญี่ปุ่นทริปนี้ครับ พรุ่งนี้ เด่วเราจะเดินทางไปโตเกียวกันต่อ เหนื่อยมาทั้งวัน ขอพักกันล่ะคืนนี้ ฮาๆ

ช่วงสุดท้ายของทริปญี่ปุ่นครับ เล่นสโนบอร์ด กอดฟูจิกันเรียบร้อย ต่อไปไปทำตัวเซโรงังในเมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่างกรุงโตเกียวกัน จากคาวากูจิโกะ ไปโตเกียว ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ หรือให้อย่างมาก 3 ชั่วโมง เพราะรถติด แต่ถ้านั่งรถไฟก้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงแน่นอน คืนนี้เราพักที่ APA Hotel ครับ อยู่ใกล้ๆ กับ Tokyo Station เลย คือเรียกได้ว่า จอดรถทิ้งไว้ แล้วเมื่อรถไฟอย่างเดียวเลยวันนี้

ที่แรกที่พลาดไม่ได้คือ Asakusa Station ครับ เพราะที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมชั้นดีของสถานที่ท่องเที่ยวเลยล่ะ หลักๆ ที่เค้าจะไปกันก็มี Asahi Building, Tokyo Skytree แล้วก็วัด Sensoji ครับ เพราะมีสามสถานที่หลักนี้ คนจึงแห่กันมาที่นี่เยอะมาก และเมือลงจากสถานนี Asakusa เดินไปสักหน่อย เราก็จะเห็น Tokyo Skytree กันแล้วล่ะครับ

วันนั้นคือคนเยอะมาก เนื่องด้วยทีว่าเรามาในช่วงปีใหม่ เลยทำให้คนเยอะอย่างที่เห็น กว่าจะได้เข้าไปไหว้เจ้าต้องเสียเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงครับ เค้าไปที่นี่ทำอะไรกัน หลักๆ ก็

  1. ไปเซียมซีครับ เซียมซีที่นี่ ครั้งละ 100 Yen มีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ เค้าว่ากันว่าที่นี่แม่นมาก
  2. ไปกวักควันธูปเข้าตัว มีความเชื่อว่า ควันธูปที่นี่เหมือนควันวิเศษครับ เหมือนกวักเอาแต่สิ่งดีๆ เข้ามาตลอดปี
  3. ล้างสิ่งไม่ดีออกจากตัว ด้วยน้ำบ่อข้างๆ วัด อันนี้ก็เอามาล้างมือล้างปาก
  4. สุดท้ายสำคัญมาก ไปอธิษฐานและขอพรครับ โดยการนำเหรียบที่มีรูปตรงกลางเป็นสื่อกลางระหว่างคำอธิฐาน หลังจากอธิฐานเสร็จก็โยนมันลงไปครับ แล้วคำอธิษฐานนั้น จะเป็นจริง

อันนี้ก็ความเชื่อส่วนบุคคลครับ ไปวัด ก็ต้องไปทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ถ้ายังไม่เคยไป ก็อยากให้ไปครับ หลังจากนั้นก็เข้าไปในเมืองครับ ไปเดินเล่น ไปเจอเพื่อน บลาๆ ก็จะมี Shibuya – Harajiku แค่นั้นครับที่ผมไป

ช่วงเย็นผมนัดเพื่อนคนหนึ่งไปศาลเจ้าแม่เมจิครับ เค้าว่ากันว่า ศาลที่นี่จะศักดิ์สิทธิ์เรื่องความรักครับ และที่พีคคือ คนครับ คนเยอะมหาศาล มากกว่าวัดเซนโซจิอีก ให้ตายเถอะ ขาดความรักกันหราาาา ฮาๆๆ

ลองสังเกตุดูดีๆ เจ้า Huawei GR5 2017 เมิงก็ใช้ได้ไม่เบาเลยนะอิห่า ถ่ายตอนกลางคืน ตอนคนเดิน เมิงยังชัดและเบลอแบบได้ไม่น่าเกลียดมากๆ เออ 8,900 บาท ได้แบบนี้ กูซื้อนะเอาจริง กลับมาที่ทริปของเราครับ หลังจากแยกกับเพื่อนคนนั้น ผมก็นัดกับอีกคนหนึ่งไปทานอาหารเย็นกัน แล้วก็ไปดริ๊งกันก่อนที่จะเตรียมเดินทางกลับไทย

ร้านนี้ชื่อ MOON WALK BAR ทุกแก้วราคา 200 Yen ไปนั่งเลยครับ ชิลมาก ตอนแรกก็ว่าจะดื่มขำๆ นั่งไปนั่งมา 8 แก้ว อิสัส แดกยังไงก็ไม่เมา คืออากาศมันหนาว หรือเมิงไม่ได้ใส่เหล้าให้กู ๕๕๕๕ ก็นั่นแหละครับ ทริปญี่ปุ่น 3-4 วันรูทนี้ ที่ผมอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ตามรอย แล้วเจอกันระหว่างทาง อ่อ… ขากลับแม่งนั่งฝั่งขวา เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะเมิง ห้ามพลาด อิอิ

:: follow us ::

Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com/

#palapilii
#wanderlust
#YOLO

Leave a Reply

*