ชลบุรี 2 วัน 1 คืน | เที่ยวแบบไทย สไตล์บ้านๆ แต่ชื่นบานโคตรๆ

ท่องเที่ยวไทย สไตล์บ้านๆ ชื่นบานโคตรๆ

“ทางเลือกใหม่ใกล้พัทยา  เส้นทางท่องเที่ยวด้านอาหารสุขภาพและวิถีไทย  บางละมุง ชลบุรี” โดยสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย ร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับวิถีชีวิตของคนไทยสมัยเก่าที่ยังคงมีอยู่ในยุคปัจจุบัน  ทริปนี้ขอตัดขั้นตอนการเดินทางจาก กทม. มาชลบุรีเลยแล้วกันนะครับ แล้วมาเริ่มต้นการเดินทางกันที่  วัดป่าสุทธิภาวัน กันเลย จะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งวันแห่งนี้ เป็นวัดเก่าแก่ของชุมชน หนองปลาไหล  อ.บางละมุง จ.ชลบุรี   มาร่วมกันทำบุญถวายอาหาร และชุดสังฆทาน  แด่พระสงฆ์  เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเราสำหรับทริปนี้…

วัดป่าแห่งนี้สงบร่มเย็นครับ ที่สำคัญคือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชนและยังเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมสำหรับสาธุชนทั่วไปอีกด้วย  หลังจากที่ได้รับฟังเทศน์ นั่งสมาธิ และรับศีลรับพรจากท่านเจ้าอาวาสแล้ว เดี๋ยวเราจะเป็นไกด์ พาเพื่อนๆ ไปทำตัวฮิปสเตอร์ให้เข้ากับวิถีบ้านๆ อย่างไทย แต่ดูเก๋ไก๋ไม่แพ้ที่ใดเลย ตามมาาาา!!!

ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนักก็เดินทางมาถึง “หมู่บ้านหนองปลาไหล” ครับ หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นชุมชนที่ยังมีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยๆ ซึ่งก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ที่บ้านป้าแหลมครับ  ที่นี่มีกิจกรรมให้เราได้ทำหลายอย่างเลย  ไปดูกันว่าพวกเราได้ทำอะไรสนุกๆ กันบ้าง

เริ่มที่น้องๆ นำตุ๊กตาสานที่ทำขึ้นจากทางมะพร้าว มาให้เราเลือกคนละหนึ่งชิ้น  เราก็เลือกมาแบบงงๆ  สุดท้ายถึงได้รู้ว่านี่คือวิธีการแบ่งกลุ่มนั่นเอง  แล้วพวกเราก็เลือกได้กลุ่มปลาไหล  เราได้โจทย์  ผัดพริกแกงไก่ใส่กล้วย  ส่วนอีกกลุ่ม ได้โจทย์  การทำห่อหมกปลา  สูตรอาหารจะเป็นของแท้ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโบราณนานมาแล้ว  คือเรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ไปเห็น ไปชิม ไปทานแล้วก็เก็บความประทับใจกลับบ้าน แต่เรายังได้ลองทำอาหารพื้นบ้านที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในทุกวันนี้ด้วยตัวของเราเอง นับว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นและท้าทายมากๆ ฮาๆๆ

เรารับหน้าที่ตำพริกแกงเก๋ๆ  ก็คงจะเป็นงานที่เหมาะสุดๆ กับพวกเราแล้วล่ะ ฮาๆ แต่เค้าก็ไม่ได้ให้เรามาตำซี้ซั้วมั่วนิ่มกันสองสามคนนะ ก็ยังมีคุณยายเป็นลูกมือคอยช่วยนั้น หยิบนี้ บอกวิธีการทำที่ถูกต้อง  จนผัดเจ้าพริกแกงไก่สำเร็จเป็นกลิ่นหอมน่าทานลอยฟุ้งให้ทั่วทั้งงานเลยล่ะ  อร๊ยยย > <

เรื่องปรุงอาหารอย่าถามพวกเราเลย เอาแค่ห่อใบตองก็ยากแล้ว  ได้ลองทำเป็นครั้งแรกมันสนุกดี หลังจากที่ปรุงนั้น เตรียมนี่ แล้วห่ออาหารใส่ใบตองเรียบร้อย ก็นำลงไปนึ่งในซึ้ง  รอเวลาสักพักให้อาหารสุกจนได้ที่ แล้วรอเวลามาชิมฝีมือของตัวเองกันดู ว่าจะทานได้ หรือไม่ได้ ฮาๆ

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งได้โจทย์การทำขนมบ้าบิ่น  ตามสูตรโบราณ  เรียนรู้กันตั้งแต่เริ่มโม่แป้งกันเลยทีเดียว ก็ไล่ตั้งแต่วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ ภาชนะ และเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถถ่ายทอดให้กันได้ ทางพี่ๆ ชุมชนเค้าก็เอามาบอกกันหมด เรียกว่าไม่หมกเม็ดกันเลยทีเดียว เผลอๆ กลับบ้านไป เอาไปเปิดขายยังได้เลย ฮาๆ

และเมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย  ก็ถึงเวลารับประทานกันแล้ว  อาหารที่เราได้มีส่วนร่วมในการลงมือทำด้วย  มันทั้งอร่อยทั้งมีความสุขมากๆ คือมากไปกว่าความภูมิใจ เรายังได้เห็นเสียงหัวเราะ เห็นการร่วมมือกันระหว่างเพื่อนๆ เห็นความน่ารักความเข้าใจของพี่ๆ ในชุมชนที่บรรจงถ่ายทอดสิ่งๆ นี้ให้แก่พวกเรา ถ้ามีโอกาสก็อยากให้มากันครับ เพราะของอะไรที่มันเป็นไทยๆ ผมไม่อยากให้มันละลายหายจางไปเลย…

หลังจากท้องอิ่มแล้ว ก็มาร่วมพูดคุยกับป้าแหลม  เจ้าของบ้านที่เตรียมการต้อนรับเราเป็นอย่างดี  ให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตแบบไทยพื้นบ้าน  ที่วัยรุ่นในยุคปัจจุบันบางคนไม่เคยได้สัมผัส  เราว่ามันดีต่อใจมากๆ เลย  ลองหาโอกาสมาสัมผัสกันครับ ชุมชนหนองปลาไหลยินดีต้อนรับเสมอ…

กิจกรรมต่อไป  เรามุ่งหน้าไปยังบ้านสว่างศิลป์ปี่พาทย์  ซึ่งเป็นชมรมดนตรีไทยประจำหมู่บ้าน  เพื่อศึกษาศิลปวัฒนะธรรมท้องถิ่น  ที่นี่มีเครื่องดนตรีไทยมากมาย  และเปิดสอนให้กับลูกหลานในชุมชนฟรี  เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ความเป็นไทยต่อไป  ใครที่หลงรักในดนตรีไทยก็ไม่ควรพลาดอีกเช่นเคย

จากจุดนั้นไม่ใกล้ไม่ไกล เราก็เดินทางกันต่อที่นาข้าวของชาวบางละมุง  คือชลบุรีก็มีนาข้าวนะจ๊ะ ไม่ได้มีแค่ทะเล ทะเลแล้วก็ทะเล ฮาๆๆ ที่สำคัญคือวิวแปลกมาก อยากมีบ้านนอกเป็นของตัวเอง  ไม่น่าเชื่อว่าห่างจากเมืองพัทยามาแค่นี้  จะยังมีการปลูกข้าวทำนากันอยู่ด้วย

ช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว  ชาวบ้านจึงนำข้าวที่สีเรียบร้อยแพ็คใส่สูญญากาศสำเร็จรูปมาวางขายในบริเวณนั้นด้วย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินตรา ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ควรหยิบยื่นน้ำใจโดยการซื้อผลิตภัณฑ์ไปเป็นของฝากให้ญาติพี่น้องหรือนายที่ทำงาน เป็นการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างแสนง่าย โดยที่ทุกคนได้ความสุขร่วมกัน…

แม้ว่าจะไม่ได้ดูทุ่งข้าวเขียวขจี หรือเหลืองอร่ามหรือได้ลองเกี่ยวข้าวจริงๆ ดูอย่างพี่ๆ ชาวนากันแล้ว แต่ก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆให้เราได้ทำกัน คือการยิงกระสุนปุ๋ยให้โดนแกรอนน้ำมัน ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา  มาดูซิจะทำได้ไหม ใครชนะจะได้ข้าวสารของทุ่งนานี้เป็นรางวัลครับ ฮาๆ

ยิงไปยี่สิบกว่าลูก โดนแค่ 2 ที และที่โดนก็ไม่ใช่ใบที่เราเล็งนะเฮ้ย  เรียกว่าฟลุ๊คนั่นเอง  ได้รางวัลปลอบใจเป็นขนมแตงไทยนมสดอร่อยสบายพุงเลยจ้าาาา

“ อเนกุศลศาลา ”  หรือรู้จักกันทั่วไปในนาม วิหารเซียน เป็นแหล่งรวมงานศิลปะ ไทย-จีน ชั้นสูงที่สำคัญยิ่งในประเทศไทย แห่งหนึ่ง  การตกแต่งการจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุนั้น ได้ผสมผสานศิลปะและวัฒนะธรรมไทย-จีน  ให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืน  ไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้เรียนรู้และสักการบูชา ถือเป็นอีกที่หนึ่งที่หากมีเวลาก็ควรค่าแก่การเข้ามาศึกษาเช่นกัน…

ภายในก็จะมีประวัติต่างๆ มีรูปปั้น มีรูปภาพ มีสิ่งจำลองบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจระหว่างชาวไทยกับชาวจีน เรียกได้ว่าเป็นการนำเอาศีลปะหลายแขนงมาแสดงให้เหล่าบรรชนรุ่นลูกหลานอย่างเรา ได้สำนึก และศึกษาประวัติศาสตร์ รวมถึงบรรพบุรุษจากรุ่น สู่รุ่น..

เวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็นมากแล้ว  ท้องของเราก็เริ่มจะร่ำร้องประท้วงว่าหิว  เราจึงมุ่งหน้าไปยังตลาดจีนโบราณ ซากแง้ว  ซึ่งเขาบอกกล่าวกันมาว่าเป็นตลาดถนนคนเดินที่ยังคงความเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายจีน  มีอาหารคาวหวานสูตรโบราณดั้งเดิมมากมายให้รับประทาน  ตามพวกเรามาครับ เราจะพาไปกินของอร่อย

ที่นี้มีชุดกี้เพ้าให้เช่าในราคาแสนถูก 100 บาท ใส่เดินเลานถ่ายรูปชิวๆๆ ก่อนกลับอย่าลืมนำกลับมาคืนด้วนละ  ฮ่าาาาา

เป็นอีกที่หนึ่งที่ชอบมากๆ เหมือนมาเมืองจีนแต่อยู่เมืองไทย เหมือนอยู่เมืองไทยแต่ไปเมืองจีน อาหารและของที่จับจ่ายใช้สอยดูน่าซื้อน่าเก็บกลับบ้านหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นงาน Handmade เก๋ๆ ส่วนอาหารก็หลากหลายทั้งไทยจีน เรียกได้ว่า ควรปล่อยท้อง ทานมื้อเที่ยงกันมาน้อยๆ แล้วมาลงแขกกันที่นี่ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย ฮาๆๆ

DAY 2

ตื่นเช้ามาหาข้าวกินเพิ่มพลัง  เพราะวันนี้เราจะปั่นจักรยานลุยสวนมะพร้าวกันที่ “ ชุมชนหมู่บ้านตะเคียนเตี้ย ”  เรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนบนเส้นทางจักรยาน  กับสโลแกนที่ว่า  “ ใช้ชีวิตช้าๆ ปั่นไปกินไก่กะลา ศึกษาวิถีมะพร้าว ของชาวตะเคียนเตี้ย ” เลือกจักรยานคู่ชีพแล้วลุยกันเลย!!!

ปั่นลัดเลาะสวนมะพร้าวกันกันมาพอได้เหงื่อ แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม  เราก็มาแวะพักกันที่จุดแรก  “บ้านสวนป่า สาโรจกับแหวว”  เรียนรู้ขั้นตอนการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น  กว่าจะได้น้ำมันมะพร้าวแต่ละขวดที่พวกเราเห็นกันมันใช้เวลาไม่น้อยเลยนะเนี่ย  นั่งพักกันจนหายเหนื่อยพร้อมได้ความรู้ติดตัวกันไป

ปั่นกันไปเรื่อยๆ  วิ่งผ่านสวนมะพร้าวบ้าง  ผ่ากลางหมู่บ้านบ้าง  แวะทักทายชาวชุมชน  ที่ยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแต่มีความสุข  เรารับรู้ได้จากรอยยิ้มที่ทุกคนมีให้  นี่แหละที่มาของสยามเมืองยิ้ม  ^_^   คุณลุงยังพาเราไปเจอต้นยางต้นใหญ่คุณลุงบอกต้นนี้สามคนโอบเลยนะ เชื่อไม่เชื่อดูเองเองละกันนน

พี่ๆชาวชุมชนตะเคียนเตี้ยน่ารักมาก  เตรียมผลไม้และขนมไทยที่มาจากผลผลิตในสวนไว้ให้พวกเราได้หม่ำกันระหว่างทาง  นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป คือโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบ Moment แบบนี้มากๆ เราจะเป็นแก้วที่น้ำครึ่งใบ แล้วรับสื่อใหม่ๆ ประสบการณ์แปลกๆ จากผู้ใหญ่ที่มีประการณ์เฉพาะทาง บางเรื่องก็มีอะไรให้ถกเถียงกันอย่างสนุกเมามัน แต่ก็นั่นแหละ บทสนทนาทุกบท มักมีประโยชน์ให้เรากลับเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เสมอ…

ออกเดินทางกันต่อไปยังสวนมะพร้าวที่สวยที่สุดของชุมชน (คุณลุงผู้นำทางบอกกับเราแบบนี้)  สวนมะพร้าวมันจะสวยยังไงหว่า??  อยากรู้ก็ต้องไปดูให้มันเห็นกับตา  ลุยกันต่อนะเจ้าจักรยานคันเก่ง

ถึงแล้วๆๆ  สวนมะพร้าวแสนสวยที่เราสัมผัสได้คงจะเป็นการเรียงตัวของมะพร้าวแต่ละต้นที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีหญ้าขึ้นรกรุงรังและมันก็ร่มรื่นมาก บ่งบอกให้เห็นถึงความใส่ใจดูแลของเจ้าของสวน แต่เอาล่ะ… มาถึงสวนมะพร้าวก็ต้องชิมน้ำมะพร้าวซินะจะพลาดได้ไง(ทริปนี้กินตลอดทางเลยแกพุงจะแตกแล้ว ฮ่าๆๆ )

ไปต่อกันยังลานมะพร้าว แหล่งรับซื้อและแปรรูปลูกมะพร้าว มีแต่กองมะพร้าวเต็มไปหมดเลย  กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวสักชิ้นนี่มันไม่ง่ายเลยนะ  เริ่มจากการปลอกเปลือกเจ้ามะพร้าวก็ยากแล้ว  เฉาะ ฉีก ตัด ฟัน  ไม่ใช่มืออาชีพนี่เสี่ยงกับการได้เลือดมากอ่ะ  ขอยืนดูเฉยๆละกันเนอะ อุ้อิ้

ปิดท้ายกันที่  “ลานวัฒนธรรม”  แหล่งเรียนรู้ของชุมชน  ที่รวมรวมวัฒนธรรมพื้นบ้านทั้งอดีตและปัจจุบัน  เพื่อเผยแพร่แก่เยาวชนและผู้ที่สนใจทั่วไปได้เรียนรู้  เช่น  การสอนทำอาหาร  สอนนวด หรือการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากมะพร้าวมากมาย  เช่น สบู่ ครีม น้ำมัน เป็นต้น เรียกได้ว่าตรงนี้น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาอะไรที่พอเพียงนำกลับไปทำที่บ้านเกิด

จะบอกว่าที่นี่อากาศดีก็คงจะเป็นการโกหกครับ อากาศค่อนข้างร้อนหน่อย และถ้ายิ่งช่วงหน้าฝนก็จะอบอ้าวกว่าปกติเลยล่ะ แต่เพื่อนๆ เชื่อไหมว่า พอเราเอาตัวเข้ามาใช้ชีวิตอย่างวิถีชุมชน ฝึกตนให้อยู่กับธรรมชาติแล้ว เราจะลืมเรื่องอากาศไปเลยว่ามันเย็นหรือร้อนไหม เพราะสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นมันเยอะกว่า อย่างอาหารการกินของที่นี่ เค้าบอกว่า มาที่นี่ต้องไม่พลาด  “แกงไก่กะลา” ครับ

เป็นยังไงกันบ้างกับการท่องเที่ยววิถีไทย สไตล์เด็กบ้านๆ อย่างเรา  มันตื่นเต้นทุกครั้งกับการออกเดินทาง  เราไม่รู้ว่าเราจะไปเจอกับอะไรบ้าง  ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน  ชีวิตเราบางครั้งมันต้องการแรงบันดาลใจเพื่อเดินต่อ  หยุดพักจากความเร่งรีบแล้วไปใช้ชีวิตช้าๆกันบ้างก็ดีนะ  ใช้ชีวิตให้มีความสุขสนุกกับทุกๆ วัน ทริปสองวันหนึ่งคืนกับอะไรที่ชื่นบ้านใกล้กรุง ต้องที่นี่เลยจ้าาา!!!

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านหนองปลาไหล

คุณชนาธิป บุญกลั่น              086-8270768

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ชุมชนบ้านทะเคียนเตี้ย

คุณวันดี  ประกอบธรรม      098-4121712

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านซากแง้ว

คุณนิภา  ชูชัยวัฒนศักดิ์         081-8703398

เกือบลืม!!  ทริปนี้เราโชคดีมีพี่ในกลุ่มพาเราไปชมการแสดง  ณ โรงละครเวทีที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ใจกลางเมืองพัทยา  ที่ชื่อว่า  “โรงละครลอยฟ้า” หนึ่งเดียวในโลก  เราได้ชมการแสดงเรื่อง  KAAN  เป็นการนำเรื่องราวของวรรณคดีไทยหลายเรื่องมารวมกัน   มีตัวละครผสมกับคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เคลื่อนไหวได้จริง  ดึงเราให้หลุดไปกับโลกแห่งจินตนาการ เหมือนเป็นนักแสดงอีกคน  คือมันเจ๋งมากอ่ะ ขอขอบคุณ โรงละคร ดีลักษณ์ ซีเนเมติก เธียเตอร์ ไว้นะที่นี้ด้วย  ไปพัทยาครั้งหน้าอย่าลืมแวะไปชมกันนะ www.kaanshow.com

:: follow us ::

Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com/

#palapilii
#wanderlust
#YOLO

Leave a Reply

*