BACKPACK บาหลี 4 วัน 3 คืน ด้วยเงิน 7,000 บาท [ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน]

คือแบบ… ถ้าพูดถึงบาหลี หลายคนก็คงส่ายหัวว่าไม่อ่ะ ไม่ไป มีอะไรน่าเที่ยววะ แค่แวะ transfer เครื่องก็พอมั…พอเลย!! นี่จะบอกว่าบาหลีตอนนี้ ไม่เหมือนบาหลีในรูปแบบทัวร์ที่เราเห็นตามแพ็คเกจท่องเที่ยวตามงานไทยเที่ยวไทยแล้วนะเว้ย เพราะว่าถ้าจะให้เป็นบาหลีคูลๆ เนี่ย ต้อง Backpack ไปเท่านั้น ทริปนี้เลยจะพาเพื่อนๆ Backpack ไปลุยบาหลีให้หนำใจไปเลย 4 วัน จะเก็บครบจบหมดได้เท่าไหร่ ไปดูกัน!!!

ซึ่งในการรีวิวในครั้งนี้ไมขอไม่ลงรายละเอียดเยอะ จะเน้นเนื้อสดๆ อันที่เค้ามาร์คๆๆ ไว้ในแต่ละที่มารวมกัน เรียกได้ว่า อ่านกระทู้กูจบเมิงไปตบกับแม่ค้าขายของที่ Ubud ได้เลย ๕๕๕ และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปเริ่มการเดินทางครั้งนี้ที่หัวข้อแรกกันเลย

การเดินทางไปบาหลี

การเดินทางไปบาหลี นี่ก็พยายามหาทุกวิถีทางที่จะให้ได้ตั๋วถูกและบินตรง ซึ่งก็ได้พบว่า ตั๋วที่ดีที่สุดและบินตรงในรูทไปบาหลีของประเทศไทยนั่นคือของ AirAsia ไม่เชื่อลองใช้ traveloka ตรวจสอบหาไฟลท์ที่ถูกที่สุดและสามารถบินตรงดูเลย ซึ่ง Traveloka คือเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินที่ประมวลราคา รูทการเดินทาง และช่วงเวลาของสายการบินกว่าทั่วประเทศ มารวมกันอยู่ในเว็บเดียว เพื่อให้รูทการท่องเที่ยวและราคาที่แมทซ์กับความต้องการของคุณมากที่สุด เพื่อนๆ สามารถเข้าไปท้าทายคำท้าของเราได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight และมากกว่า 80% ของทุก season ในรูทไทยไปบาหลี เพื่อนๆ จะต้องเจอ AirAsia แน่นอน รูทนี้ต้องยกให้เค้าเลยค่ะ //ปรบมือ

การเดินทางของ AirAsia ไปบาหลีนั้น เพื่อนๆ จะต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง ก็จะเดินทางถึงสนามบิน Nhurah Rai International Airport ที่เดนปาซาร์แล้วล่ะครับ ซึ่งถ้าจะให้ผมแนะนำช่วงเวลาที่ควรบินไปหรือบินกลับนั้น ก็เกรงว่าจะไม่แมทซ์กับการเดินทางหรือวันหยุดยาวของเพื่อนๆ เอาเป็นว่า เพื่อนๆ สามารถเข้าไปเช็คงตารางบินของพี่ปีกแดงได้ที่น่าเว็บไซต์  AirAsia เลย

โดยราคาเที่ยวบินจากดอนเมืองไปบาหลีก็จะอยู่ที่ราวๆ 3,000 – 15,000 บาท และแต่ช่วงโปรโมชั่นที่ทางสายการบินเค้าจัดมาเลย อันนี้ก็แล้วแต่ดวงนะ ยังไงใครที่สนใจที่จะบินกับแอร์เอเชียโดยตรงเลยเนี่ย ก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ของ AirAsia ได้เลย

ค่าเงินและการแลกเงิน

ก่อนอื่นจะไปเที่ยวที่ไหนก็ควรรู้ค่าเงินของประเทศนั้นๆ ก่อน แต่ขอแนะนำงี้ การไปบาหลีหรืออินโดนีเซียเนี่ย ไมขอแนะนำให้เพื่อนๆ แลกเป็น US Dollar จากไทยไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเป็นรูปเปียที่ประเทศเค้า ซึ่ง…. แน่นอนว่าแลกที่ไทยก็ควรจะวางแผนดีๆ ไปแลกที่ Superrich สีเขียว หรือที่ไหนก็ได้ที่มันให้ Rate ดีๆ แล้วคือตอนแลกจาก USD เป็น รูปเปียที่บาหลีเนี่ย ก็แนะนำให้แลกกับ Exchange Money จริงๆ นะ ไม่ใช่ไปแลกกับพวกแม่ค้าพ่อค้าเหมือนไปเที่ยวลาว ไม่งั้นโดนโกงยับ โกงแบบเสียหลักร้อยบาทเลยล่ะ ซึ่ง ณ ตอนนี้ ค่าเงิน 10,000 รูเปีย ก็ราวๆ 22 บาทไทย

ระบบไฟฟ้าและรูปเสียบปลั๊ก

เรื่องนี้สำคัญมากอิดอกกกก เอาทุกอย่างไปและหัวปลั๊กเสียบเข้ารูไม่ได้ทุกอย่างก็จบนะจ๊ะ ที่นั่นเค้าใช้ฟ้า 110 V และ 220 V และรูเสียบปลั๊กเป็นแบบวงกลมสองขา ฉะนั้น เอาตัวแปลงไปด้วย ชีวิตจะได้ไม่น่าสงสาร

การเดินทางระหว่างเมือง

เรื่องนี้สำคัญมากๆ และสำคัญโคตรๆ เพราะการท่องเที่ยวของที่นี่เราจำเป็นจะต้องใช้รถ ไม่สามารถเดินเท้าไปได้ทุกที่แน่นอน ซึ่งขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ อันได้แก่

  • ถ้าจำเป็นจะต้องเดินทางไปตามเมืองใหญ่ๆ ที่คิดว่ายังไงก็ mass และมีคนพลุกพล่าน ให้ใช้ Grab หรือ Uber เพราะราคาจะถูกกว่าครึ่งของรถทั่วไปเลย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่บาหลียังไม่ต้อนรับธุรกิจนี้เหมือนบ้านเรา ฉะนั้นการจะเรียก Grab หรือ Uber บางช่วงต้องยอมเดินออกมาตามที่คนขับบอกหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันของคนที่นั่น อย่างเช่นที่สนามบิน ถ้าเอารถของ Taxi ที่สนามบินไป Ubud จะต้องจ่าย 400,000 รูเปีย แต่ถ้าเรียก Grab จ่ายเพียง 160,000 รูเปีย แต่จะต้องยอมเดินออกมาข้างนอกสนามบินตรงที่จอดรถ อะไรแบบนี้
  • ถ้าสถานที่ที่เราไปยังไงก็ไม่มี Uber หรือ Grab แน่นอน อันนี้ต้องยอมทำใจเรียกรถ Taxi ของที่นั่น ซึ่งรถที่สามารถเชื่อถือและถูกกฏหมายของที่นั่นคือ Bluebird เรื่องราคานี่ก็ระดับกลางๆ ไม่ถูกกฎขี่มากเกินไปเพราะกด meter
  • ถ้าไปใกล้ๆ หรือต้องการกินลมชมวิวแนะนำ motorbike เลย ราคา 40,000 รูเปีย ขับได้ทั้งวัน น้ำมันเติมเอง

การเดินทางข้ามเกาะ

หลายคนคงงงว่าไปบาหลีแล้วกูยังต้องข้ามเกาะด้วยหรอวะ ใช่สิ เมิงต้องข้าม ถ้าเมิงจะไปที่คูลๆ ในบาหลีต่อ ซึ่งการข้ามเกาะของบาหลีที่เราพูดถึงนั้น คือการนั่งเรือจากฝั่ง Snure ไปยัง Nusa Penida หรือ Lambongan นั่นเอง ทั้งสองเกาะ ราคาอยู่ที่ 200,000 รูเปีย ราคานี้คือรวมอะไรบ้าง อ่อ… รวมรถไปรับฝั่งบาหลีจากโรงแรม เรือข้ามฝั่ง และรถบนฝั่งรับไปยังที่ที่เราจะลง 200,000 รูเปีย คิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ 440 บาท กับสิ่งที่ได้ขนาดนี้ ผมว่าแม่งคุ้มกว่าจ่ายค่า Speedboat 250 บาทไปเกาะล้านอ่ะ ฮาๆๆๆ

ซึ่งรอบเรือนั่น จะเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นรอบแรก เรือมีทุกๆ 30 นาที เรือมีหลายบริษัทมาก ไม่ต้องกลัวหมด ในราคา 200,000 รูเปียนี้ คือจองในเว็บไซต์นะ หรือจองกับไกด์ของเราที่เบอร์นี้ 082236774814 ส่วนถ้าใครมีแพลนหลวมๆ แนะนำให้ไปจองที่ท่าเรือ Snure เลย รับรองว่าถูกกว่า 200,000 รูเปียแน่นอน จาก Snure ไปหมู่เกาะฝั่งนั้น ใช้เวลาเพียง 45 นาที สบายๆ

ที่พัก

อื้อหือออออ… อันนี้เรียกได้ว่าคือสวรรค์ของบาหลี ไม่ว่าจะพักที่ไหนแม่งคือดีย์และถูกทั้งนั้น ถ้าอยากหาห้องพักเก๋ๆ คูลๆ แบบอื้อหือ แบบนี้ก็ได้หรอก็ใช้ www.airbnb.com แต่ถ้าจะเอาสบายๆ ง่ายๆ แต่คง Standard ก็คงจะหนีไม่พ้น www.booking.com ซึ่งขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถูกและดี มีอยู่จริง ที่บาหลี แต่ถ้าจะให้แนะนำที่พักว่าควรพักที่ไหนในแต่ละเมืองน่ะหรือ ถ้า ubud ก็ต้อง Zen Hideaway เลยจร้า แต่ก็จองให้ได้แล้วกัน ส่วนทริปนี้ของเรา ชิลๆ เบาๆ กันที่ Pertiwi Bisma 1 ห้องคืนละ 1,900 เก๋ๆ เพร้อมสระติดป่าเหมือนในรุปเลยจร้า

หัวข้อข้างบนที่ยกมาสักครู่นี่ น่าจะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยบาหลีกันแบบไม่อยากกลับได้แล้วล่ะ ซึ่งหัวเรื่องต่อไป ไม จะแจงแพลนและงบประมาณคร่าวๆ ของทริปไมที่พึ่งไปล่าสุดเมื่อหยุดยาว 4 วัน 3 คืนที่ผ่านมาให้เพื่อนๆ ได้ดูเพื่อเอาไปอ้างอิงกับแพลนของเพื่อนๆ กัน ว่าแล้วก็จัดมา!!!

:::::: Day 1 :::::::
– บินตรงจากดอนเมือง 6 โมงเช้าของ AirAsia มาถึงบาหลีราวๆ เที่ยง (ค่าบินราคา 3,000-12,000 บาท แล้วแต่ช่วง)
– เรียก Grab ไป Ubud 160,000 รูเปีย
– Check in เข้าที่พัก คืนแรกนอน Pertiwi Bisma 1 (ราคาคืนละ 1,900 บาท)
– เช่ามอเตอร์ไซต์วันละ 50,000 รูเปีย ไปบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Tirta Empul Temple)
– เติมน้ำมันไปทั้งหมด 40,000 รูเปีย
– กลับมาเดินเล่น downtown udud

::::::: Day 2 :::::::

– ตื่นเช้าไป Bali Swing ตรงทางไป Tegalalang Rice Terrace. (ไปตอนเช้าไม่เก็บตังค์)
– ขับต่อไปนาขั้นบันได (Tegalalang Rice Terrace)
– กลับมา Check out แล้วขับไป Tibumana Waterfall
– คืนมอไซต์ เรียก Grab ไป Handara Resort Gate (เหมารถได้ 600,000 รูเปีย)
– กลับไปนอน Kuta Beach (คืนนี้พัก Pro Surf School ราคาคนละ 500 บาท)

::::::: Day 3 :::::::

– ติดต่อ local guide ที่เบอร์ 082236774814 เพื่อทัวร์ Day Trip ที่ Nusa Penida Island **จุดนี้คือรวมรถมารับที่พัก ไปท่าเรือ snure รถมารับท่าเรือ Nusa Penida ไปท่าเรือทัวร์ดำน้ำสี่จุดช่วงเช้า รวมข้าวเที่ยง และรถทัวร์รอบเกาะจุดสำคัญ** ดังนี้
ช่วงเช้า (ดำน้ำ): Manta point – Crystal Bay – Big Fish – Statue Buddha Underwater
ช่วงบ่าย (ทัวร์เกาะ): Angel Billabong – Broken Beach – Kelingking Beach
– พอทัวร์เสร็จเหมาเรือไป Cenigan Island 150,000 รูเปีย
– โทรหาที่พักให้เอารถมารับ (คืนนี้นอน Jenny’s Place คืนละ 2,900 บาท นอนได้ 4 คน)

::::::: Day 4 :::::::

– เช่ารถมอไซต์ขับรอบเกาะ 6 ชั่วโมง 50,000 รูเปีย
– Amazing View Point
– Blue Lagoon
– Zip line ข้างๆ Blue Lagoon ไปทางทิศตะวันออก
– ขับรถข้ามเกาะไปยัง Lembongan
– Dream Beach
– Devil’s tear
– กินข้าวที่ MaMaMia Bar
– เหมาเรือ Local ไปซ่อมวัดใต้น้ำ โทรไปเบอร์ 081339572154 ได้มา 200,000 รูเปียแบบรวมอุปกรณ์ดำน้ำ
– กลับที่พัก ติดต่อหาเรือกลับไปเกาะใหญ่บาหลี Snure ได้ 200,000 รูเปียต่อคน รถไปส่งถึงที่ที่ต้องการจะไป เราไปลง Kuta Beach กะเดินเล่นแล้วซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน
– เรียก Grab ไปสนามบิน 33,000 รูเปีย

และนี่ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ ที่เอาไว้อ้างอิงราคาและเวลาในการจัดสถานที่ของทริปให้เพื่อนๆ ได้ครับ ยังไงลองเอาข้อมูลตรงนี้ไป manage แล้วเที่ยวให้สนุกตามสไตล์ของตัวเองเลย เอาล่ะ คิดว่าเพื่อนๆ เริ่มจะเห็นความเป็นไปได้และหน้าตาทริปคร่าวๆ ของตัวเองกันแล้ว บวกกับข้อมูลที่ไมมีให้แบบแน่นปึ๋งไม่ต้องไปหาที่ไหนเพิ่มแล้วเนี่ย ไปดูสถานที่ตามแพลนที่ไมไปกันเลยดีกว่า ว่าแต่ละที่หน้าตาจะเป็นยังไง แล้วมันจะน่าไปเหมือนอย่างที่ขายหนักไปตอนแรกรึป่าว ไปดูกัน

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Tirta Empul)

สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตรงจุดเดียวกับตาน้ำพุหรือบ่อน้ำผุดเลยล่ะ สร้างเพื่อถวายพระวิษณุ ซึ่งตามหลักศาสนาฮินดูนั้นถือเป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ น้ำพุในวัดนี้ถือเป็น “น้ำอมฤต” คำว่า Tirta มีความหมายตามภาษาอินโดนีเซียว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์” ถ้าได้ไปสัมผัสจริงๆ จะรู้ว่าน้ำใสมาก ในบ่อน้ำจะมีรูให้น้ำไหลมาจำนวนกี่รูผมจำไม่ได้ แต่นั่นแหละ เราจะต้องเรียงคิวต่อแถวขอพรกันให้ครบทุกแหล่งน้ำ เพื่อความเป็นสิริมลคลของทริป

ถนนคนเดินอุบุด (Jalan Raya Ubud)

เป็นตลาดซื้องานศิลปะหัตถกรรมหลักของบาหลี ทั้งเสื้อผ้า สโหร่ง ภาพวาด ทุกอย่างเป็นงานมือ ที่สำคัญคือทุกงานมีชิ้นเดียว มากไปกว่านั้นก็ยังมีของกิน local อีกเพียบเลย ถนนยาวราวๆ 2 กิโลเมตร ตอนเช้ามีตลาดเช้าด้วยนะ แหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ ก็จะมี Puri Saren Royal Palace และ Monkey Forest เป็นต้น

นาขั้นบันได (Tegalalang Rice Terrace)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิวนาขั้นบันไดบาหลี เป็นสถานที่แรกๆ เลยที่ดึงให้ใครหลายคนเดินทางมาเยือนที่นี่ ซึ่ง Tegalalang อยู่ในเขต Gianyar จะอยู่ริมถนนเลย รายรอบเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารและร้านกาแฟเพียบ ใครที่ชอบแนวๆ Slow Life แนะนำที่นี่เลย ซึ่งเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะภูมิประเทศของบาหลีเป็นภูเขาและเนินเขาซะส่วนใหญ่ การทำนาจึงต้องทำนาแบบขั้นบันได การทำนาแบบนี้บาหลีถือเป็นผู้บุกเบิกเลย และทำมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 แต่มีคำถามหนึ่งว่า จะใช้น้ำที่ไหนมาปลูก คำตอบคือ มีการสร้างท่อนำน้ำเข้าสู่นาทุกขั้น โดยน้ำจะส่งมาจากเขื่อนอีกที่หนึ่ง

บาหลีสวิง (Bali Swing)

บาหลีสวิง คือที่ที่ดึงคนให้บินมาบาหลีมากที่สุดในปี 2018 นี้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว original bali swing คือ Zen Hideaway นั่นเอง เป็นที่พักคูลๆ ที่มีวิวธรรมชาติแบบ แบบ แบบบบ เห้อออ แต่ก็นั่นแหละ จองยากมากกก และด้วยความ Grand ของ Bali Swing นี่เอง จึงผุด Bali Swing จำลองขึ้นมาเต็มเมือง Ubud หรือแม้กระทั่งที่นาขั้นบันได Tegalalang ก็ยังมีเลย ใครที่อยากสัมผัส Bali Swing ก็ยอมจ่ายไปนะ ฮาๆๆ อย่างในรูป แกว่ง 15 ครั้ง จ่าย 200,000 รูเปียจร้าาาา

น้ำตกทิบุมานะ (Tibumana Waterfall)

Tibumana เป็นน้ำตกที่สวยงามน้ำใสหลบอยู่ในป่า paradise ที่ร่มรื่น มีแม่น้ำอยู่ด้านบนเบาๆ ทีชื่อ Reng Reng ที่ส่งให้น้ำเขียวครามไหลห่นลงมาเป็นน้ำตกพ่นฟองฟูได้อย่างสวยงาม ณ จุดนี้ ขับรถราวๆ 30 นาทีจากตัวเมือง Ubud แนะนำให้ขาตั้งกล้องมาถ่ายรูปที่นี่ด้วยครับ เพราะจะได้รูปที่นุ่มนวลมาก น้ำตกแห่งนี้สามารถเล่นได้ด้วยนะครับ ไม่อันตราย ใครที่มีเวลาเยอะก็เอาเสื่อมากางแล้วซื้อข้าวมาแดกที่นี่ได้เลย ๕๕๕

ป่าลิง (Monkey Forest)

ที่อูบุดจะมีสถานที่หนึ่งที่เป็นจุดสีเขียวเมื่อมองลงมาบนแผนที่ จุดนั้นคือ Monkey Forst เป็นป่าที่แต่ลิง ลิง ลิง แล้วก็ลิง คือลิงเยอะมาก เราก็ไม่ได้เข้าไปนะ เพราะเวลาไม่พอ แต่เพียงแค่ขับรถผ่านบริเวณนั้น ก็มีลิงซนๆ ออกมาวิ่งเล่นแล้ว และที่สำคัญ ลิงไม่ดุ แต่ก็ขี้ขโมยหน่อยๆ เห้อ…​นี่ก็พูดไป ยังไงอะไรที่มีขนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ว่าแล้วก็ปีนขึ้นมาเกาะไหล่ เอาขนมไปเสียเลย ๕๕๕ ยังไงถ้ามีเวลาลองแวะจุดนี้ดูครับ ; )

ประตูฮันดารารีสอร์ท (Handara Golf & Resort Bali)

พี่ไมมั่วป่าว จู่ๆ จะพาไปตีกอล์ฟหรอ เปล่าเลยเมิงงงง เปล่าเลย ณ จุดนี้ไม่ใช่วัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อะไรทั้งนั้น ตอนแรกกูก็คิดแบบนี้ แต่นี่แม่งคือประตูทางเข้ารีสอร์ทของ Handara Golf & Resort ฮาๆๆ คือแม่งด้วยอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้กูต้องขับรถไปตอนเหนือของ Bali เกือบ 2 ชั่วโมงเพื่อไปถ่ายรูปไถ Penny Board  30 นาทีแล้วก็กลับบ้าน ถ้าจะให้กระซิบเบาๆ ว่าไม่ต้องไปก็ได้ จะเชื่อมั้ย ฮาๆ

ดำน้ำ 4 จุด เกาะ Nusa Penida (Nusa Penida Snorkeling)

ที่ Nusa Penida ถ้าไม่ดำน้ำลึก ก็จะมีจุดดำน้ำสี่จุดสำคัญ ที่ไม่อยากให้เพื่อนๆ พลาด จะบอกว่าน้ำทะเลที่นี่ใสมาก แต่ๆๆๆๆ แต่เย็นมาก และคลื่นแรงมาก เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวดีๆ และหากเพื่อนๆ โชคดี จะได้เจอ Manta Ray ด้วย ซึ่งจุดดำน้ำทั้งสี่จุดก็จะมี Manta Point, Crystal Bay, Big Fish และ Buddha Under water ค่าเสียหาย 500,000 รูเปียต่อคน แพงมั้ย ถ้าบอกว่าแพงก็จะบอกว่ายังไม่จบ เพราะนี่คือภาคเช้าเท่านั้น ราคานี้ ยังมีต่อภาคบ่ายด้วยนะฮ้าาาาา…

ทัวร์รอบเกาะ 4 จุดบน Nusa Penida Island

หลังจากช่วงเช้าที่ลงน้ำมาตลอดทั้งวัน ราคา 500,000 รูเปียนี้คือรวมค่ารถบนเกาะ และอาหารเที่ยงแล้วด้วยนะ ก็หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเราจะพาไปทัวร์รอบเกาะต่อ ซึ่งก็จะมี 4 จุดด้วยกัน ก็จะมี Angel’s Billabong, Broken Beach, Kelingking Cliff และ Crystal Beach จะบอกว่าถนนหนทางบนเกาะแห่งนี้เหี้ยมากครับ ถ้าใครไม่ซื้อทัวร์หรือเช่ารถยนต์ แนะนำว่าต้องขับมอเตอร์ไซต์ให้คล่องเลย เพราะไม่งั้นอาการน่าจะเป็นห่วงฮ้ะ ฮาๆๆ

หาดทรายดำ (Black Sand)

หาดทรายดำเป็นอีกมนต์เสน่ห์ของบาหลี มีแทบทุกที่ เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ภูมิประเทศที่มีภูเขาไฟแทบจะทุกเกาะ การประทุในหลายสิบหลายร้อยหลายพันปี ทำให้เกิดเศษฝุ่นตะกอนที่ทับถมปนกันมา สังเกตุดีๆ หาดทรายสีดำส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งทางทิศตะวันตกของทุกเกาะ ยังไงลองสังเกตุหาหาดทรายดำดูนะครับ อย่างที่นี่คือบนเกาะ Cenigan Island หาดหน้าที่พักของเราเลย

มหานะพ้อยท์ (Mahana Point)

จุดนี้คือ Mission ของทริปนี้ครับ แต่เราทำไม่สำเร็จ เพราะช่วงที่เราไปคลื่นลมแรงมาก มหานะพ้อยท์คือจุด Chill out ที่งดงามมากๆ วิวดี พระอาทิตย์ตกดินสวย และเป็นที่ที่เหล่า Adventurers ทั้งหลายเนี่ย มา Cliff jump กันที่นี่ Cliff สำหรับ Jumping ที่นี่สูงได้ standard ที่ 10 เมตรจากระดับน้ำทะเล นี่ก็คิดว่าจะกลับไปซ่อมเพราะที่นี่เลย ฮาๆ

บลูบากูน (Blue Lagoon)

Blue Lagoon เป็นอีกจุดหนึ่งที่มหัศจรรย์มากๆ เป็นหน้าผาคล้ายแอ่งที่ผาเข้าในบนเกาะ น้ำทะเลสีน้ำเงินอันน่ากลัวพอกระทบกับคลิฟที่มีหาดทรายเล็กๆ บนฝั่ง ทำให้เม็ดทรายสุดละเอียดแตกตัวกระจายไปในน้ำและเกิดการหักเหของแสงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสีฟ้าครามงามมรกตสวยสดมากๆ และในช่วงที่ลมไม่แรงคลื้่นไม่นา จุดนี้เป็น Cliff Jump Point ที่น่าสนใจมากๆ

ซิปไลน์เซนิกัน (Cenigan Zip-Line)

ที่ Cenigan Island บริเวณติดกับ Blue Lagoon จะมี Zip line ความยาวหลักร้อยเมตรให้โหนเล่นเก๋ๆ ครับ ความปลอดภัยไม่ค่อยมีเท่าไหร่นะ แต่ก็พอได้อยู่ ราคาต่อครั้ง ครั้งละ 100,000 รูเปีย เท่านั้นเอง ยังไงใครที่อยากท้าทายความสูงกับวิวสวยๆ ด้านล่าง ก็อย่าพลาดเลยทีเดียว

ดรีมบีช (Dream Beach)

เป็นอีกหาดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวแห่กันมาอาบแดดที่นี่ครับ เพราะเนื้อทรายละเอียดและหาดสะอาดสุดๆ บวกกับความปลอดภัยที่สุดสำหรับสามเกาะนี้ Dream Beach ตั้งอยู่บน Lambongan island ครับ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเยอะๆ นั่งชิลยาวๆ พวกต่างชาติก็นอนอาบแดดกัน เล่นคลื่นกัน ส่วนใครมีเวลาน้อยวันอย่างเรา ไปให้เห็นพอครับ ไว้กลับมาเล่นทะเลบ้านเราก็ได้ ๕๕๕

เดวิลเทียร์ (Devil’s tear)

ทั้งสามเกาะนี้อย่างที่เกริ่นๆ ไว้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ไมจะพูดถึง  Cliff Jump Point บ่อยมากๆ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหล่านักท่องเที่ยวแห่กันมาท้าทายความกล้ากันที่นี่ ซึ่งจริงๆ แล้วตรงนี้เป็นจุดที่อันตรายมาก เพราะว่าคลื่นที่ซัดเข้ามากระทับกับหน้าผาแรงโคตรๆ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต่างชาติถึงบ้าบิ่นกันขนาดนี้ และช่วงที่เราไปคลื่นลมแรงมาก สังเกตุจากรูปสิ โคตรน่ากลัว ณ​ จุดนี้ คนจีนเยอะมาก ไม่รู้ว่ามีความเชื่ออะไรรึป่าว อาจจะเสริมกระแสความรวยให้เงินมาไหลมางี้รึป่าว ไม่รู้ ๕๕๕

มามาเมียบาร์ (MA MA MIA BAR)

บาร์ชิคๆ ติดริมทะเลที่ไม่ว่าจะเวลาไหนก็มาได้ทั้งนั้น เป็นบาร์ที่คิดว่าวิวดีเป็นอันดับต้นๆ ของที่นี่เลยนะ ด้วยบรรยากาศที่มีวิวทะเล 180 องศา การจัดตกแต่งร้าน อาหารหลากหลาย และรสชาติอาหารที่อร่อย แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ เครื่องดื่มไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ แต่ถ้าเอามาหักลบปรบล้างกันแล้วละก็ แม่งก็น่าไปอยู่ดี ไม่ไกลจากสะพานเหลืองเท่าไหร่ ยังไงลองแวะ

วัดริมหน้าผาอูลูวาตู (Uluwatu temple)

อูลูวาตู เป็นวัดที่อยู่ริมหน้าผาทางตอนใต้สุดของบาหลี เป็นจุดที่ใครหลายคนให้สมยานามว่า การดูพระอาทิตย์ตกที่นี่คืออะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุดในบาหลี ซึ่งไปสองครั้งก็ไม่เคยอยู่จนมันตกทั้งสองครั้งเลย ตัววัดก็ไม่ใหญ่มากมองไปด้านล่างทางทิศเหนือจะเห็นคนเล่น surf กันเต็มเลย หันมาทางทิศใต้จะมีทางเดินริมผาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวิวกัน ถือเป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนมาครั้งแรก

เป็นไงกันบ้าง บาหลีสี่วันสามคืนเต็มอิ่มกันมั้ย จริงๆ แล้วสามารถไปได้เยอะกว่านี้อีกนะ แต่ทริปนี้อากาศไม่ดี ลมแรง คลื่นสูง เลยทำให้ไม่สามารถเล่นอะไรได้เยอะ รวมถึง surf ก็ไม่มีเวลา คิดว่าถ้าเพื่อนๆ มาอาจจะเก็บได้เยอะกว่าหรือมีอะไรทำเยอะกว่านี้อีก ขอโทษที่ทริปนี้ไม่ได้พูดถึงที่พัก เพราะไม่รู้จะพูดถึงยังไงดี ที่พักที่บาหลีแม่ง ถูกทุกที่ และดีทุกที่จริงๆ ถ้าจะให้พูดคงต้องทำอีกกระทู้หนึ่งเลย แต่ก็นั่นแหละ เอาเป็นว่าข้อมูลเบื้องต้น สามารถทำให้ทริปบาหลีของเพื่อนๆ ง่ายขึ้นแน่นอน แล้วเจอกันระหว่างทางครับ : )

Leave a Reply

*