Backpack 5 วัน 4 คืน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาะฮอนซู

sendai2

.: หลายครั้งหลายคราที่ออกไปเที่ยวเมืองนอกเมืองนามาทำรีวิวให้เพื่อนๆ ชาว Backpacker ได้ตามรอยกัน วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง content ดีๆ ที่จะมาบอกเหล้าเก้าสิบ สิบเอ็ดสิบสอง สิบสามสิ… พ่อง!!! ฮาๆ ก็ล้อเล่นแหม่ ก็ content นี้ถือเป็น content พิเศษเลย เพราะปกติเราจะไปเที่ยวกลับมา แล้วค่อยรีวิว แต่ content นี้ เราจะรีวิวก่อนที่แม่งจะไปเที่ยวครับ งงมั้ย อย่างง มาฟังกันต่อ

ในช่วงใกล้ปีใหม่ของทุกปี ที่ญี่ปุ่นจะมีฤดูใบไม้ร่วงครับและคือก่อนร่วงมันจะเปลี่ยนสี ซึ่งการเปลี่ยนสีของต้นไม้ที่นั่นคือเมิงเปลี่ยนแบบทั่วทั้งเมือง ถ้านึกไม่ออกลองมองไปบนภูเขาบ้านเราครับ ปกติแม่งสีเขียว แต่พอเปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น เขาทั้งเขาแม่งเป็นสีเหลืองแดง รวมถึงพื้นที่ในชุมชนด้วย เรียกได้ว่า ไปเพื่อพักผ่อน ถ่ายรูปชิคๆ มาเรียกยอดไลค์คูลๆ เลยก็ว่าได้

สำหรับทริปนี้ ไมจะพาเพื่อนๆ ไปแบกเป้เที่ยวกันที่ภูมิภาคโทโฮคุครับ อยู่ในตอนบนของเกาะฮอนซู หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ก็เพราะแบบนี้ไง เราเลยจะมาวางแผนไปพร้อมกัน ถ้าพร้อมแล้ว เรามารู้จักอิเกาะนี้กันดีกว่าว่าแม่งอยู่ที่ไหนส่วนไหนของญี่ปุ่น

miyagizao(fox village)

.: ภูมิภาคโทโฮคุนั้นตั้งอยู่ทางตอนบนของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยจังหวัดอาโอโมริ จังหวัดอิวาเตะ จังหวัดมิยางิ จังหวัดอากิตะ จังหวัดยามากาตะ จังหวัดฟุกุชิมะ และจังหวัดนีงาตะ ซึ่งการเดินทางสู่โทโฮคุสามารถไปได้หลายสายการบินทั้ง OZ ลงเซนได หรือ KE ลงอาโอโมริ แต่ถ้าอยากไปกลับแบบไม่ต้องเสียเวลากลับมาที่เดิมสามารถเลือกใช้บริการของ JL ลงอาโอโมริ แล้วกลับจากยามากาตะโดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮาเนดะก่อนก็ได้

fox village4

.: ภูมิภาคโทโฮคุโดดเด่นในเรื่องของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ทำให้ภูมิภาคนี้ขึ้นชื่อเรื่องดูใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพื่อนๆ จะได้ซึมซับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า รวมไปถึงทัศนีย์ภาพอันอลังกาลผ่านกาลเวลาของป่าไม้ที่สมบูรณ์จากอดีตจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

เป็นไงกันบ้างครับ ข้อมูลพื้นฐานของภูมิภาคโทโฮคุฟังดูน่าสนใจไหม… ผมว่าเกริ่นแค่นี้คงยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เอางี้ มาเริ่มละเลงแผนมั่วๆ แต่เป็นไปได้แน่นอน พร้อมๆ กันดีกว่า เราจะเริ่มต้นกันที Tokyo – Hachinohe – Hiraizumi – Ginzan-Onsen – Sendai และวนกลับไปที่ Tokyo คือเพิ่อบินกลับบ้านเราตามลำดับไป ถ้าพร้อมแล้ว มาฟังแผนกันเลย

Day 1 : Tokyo – Hachinohe

เวลาผมวางแผน ผมก็จะเผื่อเวลาความเป็นไปได้ บวกลบไป 30 นาทีครับ ไม่ให้มันแน่นไป หรือห่างไป ซึ่งการทำแผนคร่าวๆ แบบนี้ พอเราไปหน้างานจริงๆ มันสามารถที่จะประยุกต์และเปลี่ยนแปลงตามความสนใจหน้างานของเราได้เสมอ เพราะฉะนั้น แผนที่เราวางไว้จึงยืดหยุ่นได้ตามความอยากหน้างานของเรานั่นเอง ฮาๆ

TK-HCN

09:00 น. เราจะเดินทางจาก Tokyo มาที่ Hachinohe Station ซึ่งดูจาก google map แล้วจะใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมง (รถไฟความเร็วสูง) แต่ถ้าเป็น Bus ราคาถูก ตีให้ 5 ชั่วโมงไปเลยครับ ฮาๆ หลังจากนั้นควรหาที่พักก่อนดีกว่า จะได้เก็บข้าวของสัมภาระ แล้วออกมาเดินชมบ้านเมืองเค้า ไอ่เรื่องที่พักของเราก็สามารถยืดหยุ่นตามหน้างานหรือจองฟิกซ์ไว้เลยก็ได้ ตามสไตล์ของเพื่อนๆ เลย

hasshoku-center_2

เราจะเผื่อเวลาให้ไปหาอะไรรองท้องและเอาของไปเก็บที่ที่พักครับ หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปยัง Hasshoku Center ที่นี่นั้นมีของกินแนวปลาดิบญี่ปุ่นๆ เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด ที่สามารถสั่งทำได้เดี๋ยวนั้น ผัก เนื้อ อาหารแห้ง หรือจะหา U-don ทานแถวๆ Aji – yokocho ก็ได้ และที่ Kuriya Stadium เพื่อนๆ สามารถไปทาน Sushi สายพานกันที่นั่นได้อีกด้วย วันแรกคงไม่มีอะไรมากครับ จบจาก Hasshoku Center ก็คงจะเป็นการ Sightseeing รอบเมืองเก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป

Day 2 : Hachinohe – Hiraizumi

เอาล่ะ ในส่วนของวันที่สองที่หาข้อมูลมา เมืองนี้ได้รับยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกเลย มารู้จักเมืองมรดกโลกอย่าง Hiraizumi กันดีกว่า เมืองมรดกโลกฮิไรซูมิ” เป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยเฮอัน ซึ่งถือเป็นมรดกโลกลำดับที่ 16 ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 12 เป็นสัญลักษณ์ของการกลับมาปกติสุขอีกครั้งหลังจากเกิดแผ่นดินไหวในอิวาเตะ และเหตุผลสำคัญที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกก็เพราะว่า ปูชนียสถานแห่งนี้ ถ่ายทอดความเป็นแดนสุขาวดี ที่หลุดพ้นจากทุกข์และกิเลสทั้งปวงตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา วัดและสวนต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นโดยขุนนางชั้นสูง บริเวณนี้จึงสวยงามและเป็นธรรมชาติ เป็นอีกที่ ที่ไม่ควรพลาดดดด!!!

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

การเดินทางจาก Hachinohe – Hiraizumi จะใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง 30 นาทีครับ ก็สามารถเดินทางได้ตามที่ google map แนะนำเลย และอีก App หนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ maps.me ครับ โหลดไว้ เพื่อนๆ จะได้ปักหมุดสถานที่ที่อยากไป และเดินตามแบบไร้ internet ได้แบบไม่หลงทางอีกด้วย

sd

ก็ควรจะออกกันตั้งแต่เช้าหน่อย มาถึงที่นี่ไม่ควรเกิน 10 โมงเช้ากำลังดีครับ ไม่เร็วไปหรือช้าไป หลังจากที่มาถึง  Hiraizumi แล้ว ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Muryo-Koin จากนั้นเราก็จะหาสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในเมือง hirazumi กันครับ เท่าที่หาข้อมูลมาก็จะมี

  1. Chuson-ji Temple
  2. Motsu-ji Temple
  3. Takkoku no Iwaya
  4. Hiraizumi Cultural Heritage Center
  5. Takadachi Gikeido
  6. Hiraizumicho Cyclic Bus Runrun
  7. Hakusan Shrine
  8. Kanjizaioin Ruins
  9. Yanagi no Gosho Site
  10. Site of Muryoko-in

ยกมาให้ 10 ที่ ยังไงลอง search กันต่อนะครับ แต่ที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คืออันดับหนึ่งของเราครับ Chuson-Ji Temple เรามาดูดีกว่า ว่าวัดแห่งนี้มันติดอันดับหนึ่งได้อย่างไหร่ และมันสำคัญขนาดไหน ไปดูกัน

ns121a

วัดซูซอนจิ เมื่อ 300 ปีที่แล้ว วัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญของตระกูลฟูจิวาระ บรรยากาศโดยรอบส่วนใหญ่เต็มไปด้วยต้นสนต้นใหญ่มากมายพร้อมทั้งสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ตั้งแต่ ค.ศ 12 แต่โชคร้ายที่งานประติมากรรมของวัดนี้ได้ถูกทำลายด้วยสงครามการเมืองในอดีต ภายในบริเวณวัดเคยมีอาคารถึง 40 กว่า อาคาร ถือเป็นมรดกแห่งชาติก็ได้ถูกทำลายจนเกือบหมด บนความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีที่คงเหลือ Golden hall วิหารทองที่มาร์โคโปโลเกิดความประทับใจในศาลาทองนี้มากจนตั้งชื่อเกาะนี้ว่า Island of Gold สร้างโดยฟูจิวาระ คิโยฮิรา เป็นสัญลักษณ์ทีมีชื่อเสียงของวัดนี้ ภายในประดิษฐาน รูปหล่อพระพุทธเจ้าอยู่ในศาลาทองคำที่งดงาม และได้มีการสร้างอุโบสถขึ้น ครอบไว้อีกชั้นหนึ่ง เรียกได้ว่า เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว

hiraizumi motsuji

.: จบไปแล้วสำหรับวันที่สอง คงเหนื่อยแน่นอน ทริปนี้ถ้าเอาพ่อแม่มาด้วยต้องเดินลากไส้กันแน่ คือควรจองที่พักนะ ถ้าเอาผู้ใหญ่ไปด้วย อันนี้คิดเผื่อให้ เลยหาข้อมูลที่พักไปเรื่องๆ ไปเจออยู่ package หนึ่งของ H.I.S เค้ามี Package ที่พักแบบเป็น Route ตอนเหนือของเกาะฮอนซูพอดี คือแบบเป๊ะสัสรัสเซียจอเจียเนปาล Route 8 ของเค้าคือ Hachinohe – Hiraizumi – Ginzan-Onsen และ Sendai ราคาเริ่มต้นคือ 19,300 บาท/คน ต่อสี่คืน ดีงามตามดาวของโรงแรม ซึ่งชื่อโรงแรมแต่ละเมืองที่เค้าให้มาก็มีประมาณนี้

Hachiohe จะเป็น Hachinohe Grand Hotel หรือเทียบเท่า

Hiraizumi จะเป็น Hotel Musashibo

ที่ Ginzan Onzen จะพักที่ Ginzanso

และคืนสุดท้ายที่ Sendai เราจะพักที่ JAL city Sendai หรือเทียบเท่า

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่อยากตัดปัญหาเรื่องการ walk-in hotel หรือจองที่พักตาม website ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมีอาหารเช้ารับรองอยู่แล้ว และมีอาหารเย็นในบางโรงแรม ยังไงเพื่อนๆ ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.his-bkk.com/th นะครับ ส่วนใครที่ยังติดใจอยาก walk-in อยู่ เชิญไปตายเอาดาบหน้าต่อไปค่ะ ฮาๆๆ

hiraizumi motsuji2

Day 3 : Hiraizumi – Ginzan Onsen

วันที่สามตื่นกันแต่เช้ามาหารถเข้าเมือง Ginzan Onsen กันครับ จาก Hiraizumi ไป Ginzan Onsen เมื่อเปิดจาก Google map แล้วจะใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครับ แต่ก็บวกให้อีก 30 นาทีเผื่อเหลือเผื่อขาดไปเลย ฮาๆ

sdff

สถานที่แรกที่เราจะไปคือ ทะเลสาบ Katanuma lake ครับ คือแผนที่ญี่ปุ่นนิก็หาข้อมูลยากเหลือเกิน นี่หาประมาณ 30 นาที กว่าจะหาที่อยู่ของทะเลสาบตัวนี้ได้ คือเรียกได้ว่าสวยมาก  คือน้ำที่นี่จะขึ้นอยู่กับฤดูครับ จะมีสีครามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีถึงหน้าหนาวนี่แหละ และจะมีกลิ่นคล้ายๆ กับบ่อน้ำร้อน

ds

เดินทางด้วย taxi ง่ายๆ แล้วเดินไปอีกไม่กี่ร้อยก้าวก็จะได้ภาพสวยๆ แบบนี้ครับ

25613812

36331708

แล้วอีกที่หนึ่งที่ต้องไป ย้ำว่าต้องไปสำหรับวันที่สามนี้ ก็คือ หุบเขานารุโกะ ครับ หุบเขานารุโกะเป็นเพียงหุบเขาเล็กๆ ที่มีธารน้ำไหลผ่านขนาบข้างด้วยผาสูงไม่กี่สิบเมตรเป็นระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหุบเขาแห่งนี้คือที่ที่หลายคนดั้นด้นมาเดินชมความงามของผืนป่าหลากสีที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง นอกจากการเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีตามเส้นทางชมธรรมชาติแล้ว ยังสามารถถ่ายรูปรถไฟที่วิ่งผ่านสะพานท่ามกลางภูเขาที่เต์มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี จากจุดชมวิวได้อีกด้วย

sdfdsdd

narukokyo

narukokyo2

เอาล่ะ หลังจากนั้นก็ควรมา take some rest ที่ Ginzan Onsen กันครับ เดินทางจากหุบเขานารุโกะราวๆ 1 ชั่วโมงโดยรถแท็กซี่ครับ หรือสามารถเดินทางโดยบัสก็ได้ ยังไงลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันนะครับ คือตอนแรก กะจะคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ให้ แต่คือแบบ เมิงไปตายเอาดาบหน้ากันต่อเถอะครับ เพราะการเดินทางแม่งโคตร Flexible ไม่สามารถหาข้อมูลตายตัวเรื่องราคาของการเดินทางในแต่ละอย่างให้ได้เลย แต่เชื่อเถอะ ว่ามันต้องมีสิ่งดีๆ สำหรับ Backpacker อย่างเราแน่นอน อาจจะเป็น bus ราคาย่อมเยา หรือคนเหงาใจดี โบกรถฟรีไปกับเค้าแม่งเลย ฮาๆ

111

กินซังออนเซน(Ginzan Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่เงียบสงบในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่รอบเหมืองแร่เงินที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นเมืองออนเซนที่สวยงามที่สุดด้วยห้องพักแบบเรียวกังที่เรียงรายตามสองข้างทางของแม่น้ำ เรียวกังของที่นี่เป็นสไตล์ดั้งเดิม ที่เป็นอาคารไม้ 3-4 ชั้น ผสมผสานกับผนังปูนสีขาวสะอาดทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต เว้นเพียงแต่ฟูจิยะเรียวกัง(Fujiya ryokan) ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของเมือง เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ชื่อว่า Kuma Kengo ได้ออกแบบอาคารให้ทันสมัย เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีองค์ประกอบที่มีความดั้งเดิมซ่อนอยู่โดยใช้ไม้และพลาสเตอร์สีขาวนั้นเอง

ff

หลังจากอาบน้ำ แช่ออนเซ็น ทานอาหารเสร็จ ชาวเน็ตบอกว่าต้องเดินดูเมืองตอนกลางคืนด้วย เค้าบอกว่า ที่นี่แสงสีดูสวยงาม ไม่ฉูดฉาด ดูแล้วรู้สึกสบาย ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีจริงๆ

1ad005u3s62rf267z7c38a7noinwmqjk8

Day 4 : Ginsan Onsen – Sendai 

จากตัว Ginsan Onsen มา Sendai ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงเมื่อเปิดแผนที่จาก google map นะครับเพื่อนๆ เพราะฉะนั้น ตื่นให้ไว แล้วรีบหารถไป Sendai เน้อ เพราะในเมือง Sendai มีอะไรให้เพื่อนๆ ไปโคตรเยอะ

sdfeeeeee

เอาล่ะ ที่แรกที่เรา pinned ไว้คือ (Zao Fox Village 蔵王キツネ村) แล้วช่วงบ่ายหาที่ท่องเที่ยวใน Sendai คือเจ้า Fox Village เนี่ย เท่าที่เราหาข้อมูลมา ฝรั่งรีวิวไว้ว่าไม่ควรพลาด และเหมือตอนนี้มี Bus ที่รับส่จาก Sendai Station ไปสถานี Shiroishi-Zao ราคาราวๆ 2,000 Yen มั้งครับ ค่าเข้าก็ 1,000 Yen แต่ดูจากภาพแล้ว แม่งโคตรน่าไป ฮาๆ

fox village1

fox village3

fox village4

ถัดจาก Fox Village ที่พลาดไม่ได้ก็คือ วัดยามาเดระ ครับ วัดยามาเดระ คือวัดที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี ตัววิหารงดงามมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์โอบล้อมด้วย  บรรยากาศแห่งขุนเขา เพื่อนๆ จะได้สัมผัสทั้งความเงียบสงบของวัดอันเก่าแก่และทัศนียภาพที่งดงามแห่งธรรมชาติเหมาะแก่การทอดอารมณ์ชมความงามของฤดูใบไม้แดง จนไม่แปลกใจที่หลายคนจัดให้วัดชื่อดังแห่งเมืองยามากาตะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเยี่ยมชมมากแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุ

aflo_MOXA007953

เสร็จจากตรงนี้ ก็ควรที่จะเข้าไป Chill out ใน Sendai ได้แล้วครับ ซึ่งในตัวเมือง Sendai ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เพื่อนๆ เลือกชมอีกเยอะเลยไม่ว่าจะเป็น ซุยโฮเด็น Sendai Mediatheque ปราสาทเซ็นได ถนนโจเซ็นจิ พิพิธภัณฑ์เมืองเซ็นได รวมไปถึง Night life ที่โคตรคูลของที่นี่อีกด้วย

sendai1

ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีก่อนปิดทริปฉลองตลอด 4 – 5 วันที่ผ่านมา ผมลองหาร้านเด็ดๆ มา 3 ร้านจากเว็บรีวิวต่างประเทศ เค้าบอกว่ามี SK7 Sendai Higashiguchi, Jacob’s Ladder แล้วก็ Morinomiyako 1923 ยังไงลองไปหาลายแทงกันต่อครับ แต่ถ้าผมไป คงประมาณว่า กุพักที่ไหนใกล้ กุไปร้านนั้น เมาที่ไหนก็ได้ ฮาๆ

ginza_street

นอนที่ Sendai อีกคืนแล้วตื่นเช้าเดินทางจาก Sendai ไป Tokyo เพื่อเดินทางกลับบ้านครับ ยังไงก็เช็ค Flight กันดีๆ อย่าให้ตกเครื่อง สำหรับทริปนี้ลองคำนวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคร่าวๆ แล้วจะตกวันละประมาณ 5,000 บาทครับ ก็แบก Pocket Money มาบวกลบหน่อยสัก 30,000 บาท เผื่อเหลือเผื่อขาด ผมว่าน่าจะพอสำหรับทริปครอบครัวหรือทริปฉายเดียวล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ยี่ปุ่นได้ดีเลยทีเดียว เอาล่ะ และนี่คือแผนคร่าวๆ ของผม ก่อนที่ผมจะออกเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละที่ ส่วนพอถึงเวลาเที่ยวจริงๆ หน้างานนั้น ค่อยว่ากันอีกที

อีกเรื่องครับ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเตรียมไปเที่ยวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไม่ทัน H.I.S เค้ามี Option ที่พิเศษมากๆที่เดียวเท่านั้น คือไฟล์ทบินเหมาลำตรงจากกรุงเทพฯไปเซนได ในช่วงสิ้นปีนี้ครับ รายละเอียดเพิ่มเติมยังไงลองติดตามจากลิงค์นี้เลย http://www.his-bkk.com/th/air_ticket/TG-Charter_Dec2016.php แล้วเจอกันระหว่างทางครับ

Leave a Reply

*